15 กุมภาพันธ์ 2559

กลิ่นน้ำอบไทย

"บิลลี่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากอยุธยา

ตอนเด็กๆ หมอดูเคยบอกว่า ดวงผมน่ะจะให้ดีต้องพลัดถิ่นไปอยู่แดนไกล!

บอกตรงๆ ว่าฟังแล้วผมใจหายวาบๆ กอดแขนแม่แจ นึกด่าหมอดูในใจไปด้วย ที่ไหนได้ พอโตขึ้นผมกลับต้องนึกถึงคำของหมอดูอย่างสุดแสนจะนับถือ เพราะคำทำนายของแกแม่นยำราวกับตาเห็น

ผมเรียนจบ ม.6 แล้วเข้ามหาวิทยาลัยได้ 2 ปี แต่ให้ตายเถอะ! ผมดันไปเข้าคณะที่ตัวเองไม่ได้ชอบเลยจริงๆ เลือกไปได้ไงก็ไม่รู้ตอนนั้นเพียงขอให้เอ็นท์ติดเท่านั้นแหละ...ผลก็คือฝืนทนจนสุดจะกล้ำกลืน พอดี๊พอดีผมไปเยี่ยมญาติที่อเมริกากับพ่อแม่และน้องสาว ดวงชะตาผมแผลงฤทธิ์ตั้งแต่บัดนั้น!

อาของผมชวนให้อยู่ด้วยกันที่โน่น ผมก็ว่าง่ายครับ อยู่กับอาเลย...หาเรื่องเรียนสิ่งที่ผมชอบเป็นคอร์สๆ ไป ขณะเดียวกันก็ช่วยคุณอาทำร้านอาหาร

จากนั้นมาจนทุกวันนี้ ผมมีภรรยาเป็นคนอเมริกัน และได้ดิบได้ดี มีลูกๆ มีบ้านมีการงานทำ อยู่อย่างสบายแฮ นานๆ ทีถึงจะเดินทางกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่เมืองไทย คิดๆ แล้วก็ราวๆ 3-4 ปีครั้ง เราไม่ค่อยติดต่อกันนัก เพราะขี้เกียจโทรศัพท์ ขี้เกียจเขียนจดหมาย ขี้เกียจส่งอีเมล์...ถึงยังไงเราก็รักกันเหนียวแน่น ไม่มีเสื่อมคลายหรอกครับ

พ่อแม่และน้องสาวอยู่คอนโดมิเนียมที่พระรามสาม เวลาผมนึกจะกลับบ้านก็มักขึ้นเครื่องบิน บินตรงมาลงกรุงเทพฯ ถือกระเป๋าใบเดียว จับแท็กซี่ดิ่งมาคอนโดฯ โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าทุกที

นิสัยผมเป็นอย่างนี้แหละ บางทีก็บอกล่วงหน้า บางทีก็ไม่บอก...เซอร์ไพรส์เล่นให้ตื่นเต้นดีใจกันซะยังงั้น

เมื่อปีกลายก็เหมือนกัน ผมบอกลูกกับเมียว่า ขอกลับมาอยู่เมืองไทยสัก 2 สัปดาห์ช่วงปีใหม่ เพราะอยู่ๆ ก็คิดถึงพ่อแม่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ว่าแล้วก็บินโลด!

นึกแล้วสมน้ำหน้าตัวเองชะมัด อยากไม่แจ้งล่วงหน้า! พอมาถึงปรากฏว่า พ่อแม่กับน้องไม่อยู่หรอก คงจะไปเที่ยวกันน่ะ ทำยังไงดี? ผมหิ้วกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมขึ้นรถทัวร์ไปอยุธยาดีกว่า อ๋อ! ผมมีเหตุผลตามสมควรซีครับ

ญาติผมอยู่ที่นั่น คนญาติเยอะครับ ผมน่ะ...คุณอาอยู่อเมริกา ส่วนที่อยุธยาน่ะลุงกับป้าอยู่ พื้นเพเดิมของพ่อแม่ผมก็เป็นคนอยุธยา บ้านผมจริงๆ น่ะอยู่ที่นั่นแหละ...ว่าจะอยู่ซักวันสองวัน แล้วโทร.บอกพ่อกับแม่ ไม่เลวแฮะ! ไม่ต้องเสียค่าโรงแรมแพงๆ ด้วย

ผมมาถึงอยุธยาราว 5 โมงเย็น ซึ่งในหน้าหนาวน่ะใกล้จะมืดแล้ว นะครับ

อ้าว? เรือนไม้ขนาดใหญ่ของคุณป้าไม่มีคนอยู่อีกแหละ อะไรกันเนี่ย?

ผมหันซ้ายหันขวา งงเอาการ...พอดีมีเสียงเรียกจากชั้นบน ผมมองขึ้นไปก็เห็นพี่สาวของผมอยู่ที่หน้าต่าง แหม...ดีใจนะ พี่ตุ๊กเป็นญาติคนแรกที่ผมได้เห็นหน้า ตอนกลับมาเมืองไทยคราวนี้...พี่ตุ๊กเรียกให้ผมเข้าบ้าน เธอมาเปิดประตูให้ ผมเดินเข้าไปในห้องรับแขกที่สลัวๆ เพราะใกล้ค่ำ พอเปิดไฟก็ได้ยินเสียงพี่ตุ๊กบอกว่าปิดเถอะ! ตาของเธอสู้แสงไม่ได้ ตอนนี้ตาเจ็บ...ผมเลยปิดไฟกลางห้อง แล้วเปิดไฟที่มุมห้องแทน

แสงไฟสีส้มที่ไม่สว่างนักก่อให้เกิดเงาแปลกๆ พี่ตุ๊กดูซูบซีดพิกล แต่ผมรู้มาก่อนแล้วว่าราว 2 ปีมานี่พี่ตุ๊กไม่สบาย เป็นมะเร็งในลำไส้ใหญ่ เธอผ่าตัดแล้วอาการดีขึ้น...เท่าที่รู้น่ะเธอก็อยู่ได้เรื่อยๆ เพราะตอนนั้นเพิ่งเริ่มต้นเป็นเท่านั้นเอง

ใจผมน่ะคิดว่าพี่ตุ๊กหายดีแล้วนะ มะเร็งนี่ถ้าเจอระยะแรกๆ ก็มีโอกาสหายได้...ผมถามว่าใครต่อใครไปไหนกันหมด พี่ตุ๊กตอบว่าไปงานศพ ผมถามต่อว่างานศพใครล่ะ? พี่ตุ๊กตอบเสียงเย็นๆ ว่า "งานศพพี่แกละ"

ใครหว่า พี่แกละ? เออ...ช่างเถอะ ผมนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าใคร?

ตอนนั้นผมเริ่มเหนื่อยๆ และง่วง อากาศยามค่ำค่อนข้างเยือกเย็นน่าดู แว่วเสียงเรือยนต์ดังมากระทบหู พี่ตุ๊กบอกว่า...คืนนี้นอนในห้องพี่ก็ได้นะ พี่ย้ายไปนอนที่อื่นแล้ว!

ฟังแบบนี้ ไอ้ผมก็คิดว่าเธอคงหมายถึงย้ายไปนอนห้องอื่น บ้านนี้มีหลายห้องครับ เพราะเป็นบ้านใหญ่ คนอยู่น้อย

ขณะนั้น พี่ตุ๊กนั่งบนเก้าอี้รับแขก ผมเอนหลังนอนเล่นที่โซฟาตรงข้ามกับเธอ พี่ตุ๊กนั่งเรียบร้อยเชียว นิ่งราวกับหุ่น แสงไฟเหลืองรัวจากด้านหลังเฉียงๆ ทำให้ใบหน้าเธอเกิดรูปเงาประหลาด...ดูๆ แล้วทำไมรู้สึกขนลุกก็ไม่รู้เหมือนกัน

พี่ตุ๊กเคยเป็นคนร่าเริงนี่นา ทำไมตอนนี้ดูนิ่งราวกับหุ่น? ผมเลยถามว่าอาการโรคเก่าเธอเป็นไงบ้าง? พี่ตุ๊กหัวเราะหึๆ ไม่พูดอะไร

ระหว่างนั้น มีกลิ่นน้ำอบไทยโชยกรุ่นมาเข้าจมูก เลยถามเธอว่ากลิ่นมาจากไหน? พี่ตุ๊กยกมือขวาให้ดู บอกว่ามาจากนี่แหละ! พูดแล้วก็ยื่นมือมาหา...

เออ! จริงด้วย...หอมจนฉุนเชียว!

ผมง่วง เปลือกตาหนักอึ้ง เธอบอกให้ผมนอนซะ ผมก็เลยหลับผล็อยไป...

ตื่นมาอีกที เสียงผู้คนเอะอะ อ้าว? ลุง ป้า รวมทั้งพ่อ แม่กับน้องสาวผมก็อยู่ด้วย...เอ๊ะ! อะไรกัน? เมื่อผมบอกว่าพี่ตุ๊กเปิดบ้านให้และนั่งคุยกัน พวกเขาตกใจมาก ตื่นเต้นยิ่งกว่าเห็นผมกลับมาจากอเมริกาด้วยซ้ำ

ครับ...ใช่แล้ว! พี่ตุ๊กตายเมื่อคืน วันนี้รดน้ำศพ...ผมฟังจากเธอเป็น "ศพพี่แกละ" ทั้งๆ ที่บอกตามตรงว่า "ศพพี่แหละ!"

แม่บอกว่าโทร.ไปบอกข่าวที่อเมริกาก็ไม่มีคนรับ โทร.เข้ามือถือก็ไม่ติด

ผมพลาดข่าวการตายของพี่ตุ๊ก แต่ผมไม่ได้พลาดที่ได้คุย ได้เห็นเธอเป็นครั้งสุดท้าย...สิ่งที่ประทับใจผมที่สุดคือ มือขวาที่ยื่นมาหา...มือขวาที่หอมกลิ่นน้ำอบไทย!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น