"โก้" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากซอยผีสิง
ผมเป็นนักศึกษาภาคค่ำของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง คืนนั้นหลังเลิกเรียนเพื่อนก็ชวนไปกินข้าว เราคุยกันเพลินมาก กว่าจะรู้ตัวก็ปาเข้าไปเกือบสองยามแน่ะครับ
เพื่อนขับรถไปส่ง แต่บ้านผมอยู่ในซอยแคบและลึกมาก แถมกำลังมีการขุดถนนเพื่อปรับปรุงท่อประปา ด้วยความเกรงใจจึงขอให้เพื่อนจอดรถหน้าปากซอยแล้วเดินเข้าไป...ความจริงก็กลัวเหมือนกันครับ เพราะเดือนที่แล้วมีคนถูกฆ่าตายแถวๆ นี้
สาเหตุคือที่ปากซอยมีร้านอาหารคาราโอเกะ คนเมาเกิดทะเลาะกันและยิงกันตาย ผมจำได้เพราะคืนนั้นผมก็กลับดึกแบบนี้แหละครับ
เหตุเกิดราวสองยาม...เหมือนคืนนี้เป๊ะเลย!
คืนนั้นผมกำลังจะเดินเข้าซอย ก็ได้ยินเสียงตะโกนด่ากันโหวกเหวก พอหันไปมองก็ได้ยินเสียงเหมือนกิ่งไม้หัก นั่นล่ะ...เสียงปืน! แต่มันไม่ได้ดังเปรี้ยงๆ แบบในหนัง
ชายคนหนึ่งล้มลง แล้วคนยิงก็วิ่งหนีไป ขณะที่มีคนในร้ายมากมายวิ่งออกมา เกิดวุ่นวายกันพักใหญ่ ผู้หญิงบางคนกรีดร้องอย่างเดียว ผู้ชายคนหนึ่งใช้มือถือเพื่อแจ้งเหตุร้าย..ผู้คนแถวนี้พากันออกมาดู ผมเดินไปมุงกับเขาบ้าง เห็นชายที่โดนยิงกำลังกระตุก มีเลือดทะลักออกมาทางปากและจมูก...
เขาโดนกระสุนเจาะลำคอ นัยน์ตาเขาเหลือกลาน
ภาพคนตายติดตาอยู่หลายวันจนผมเกือบลืมไปแล้ว...จนกระทั่งคืนนี้!
แต่ทำไมคืนนี้ดูแปลกจัง ผู้คนหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ปกติจะมีคนนั่งอยู่หน้าร้านคาราโอเกะ แต่คืนนี้ไม่มีเลย ห้องแถวหน้าร้านก็ปิดประตู ปิดไฟเงียบ...คงจะหลับหมดแล้วมั้ง?
สรุปว่าในนาทีนี้มีผมยืนอยู่เดียวดาย
มันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะมองตรงไปที่ผู้ชายคนนั้นล้มลงตาย!
พื้นที่ตรงนั้นว่างเปล่า แต่ภาพศพอันน่าสยดสยองของเขา กลับผุดขึ้นมาแจ่มชัดในความทรงจำของผม
แหม...อยากให้มอเตอร์ไซค์ผ่านมาซักคันหนึ่งจัง! คืนนี้เป็นอะไรนะไม่มีรถราซักคันเดียว! ผมถอนใจยาว...ตัดสินใจเดินเข้าซอยตามลำพัง ความรู้สึกไม่ค่อยจะมั่นคงชอบกล มันวูบๆ วาบๆ ยังไงพิลึก...ไม่อาจสลัดภาพศพถูกฆ่าออกไปจากสมองได้สำเร็จ!
ทันใดนั้น ผมสะดุดก้อนหินใหญ่จนหัวคะมำ เท้าพลิก ใจหายวาบ ขวัญผวาไปหมด หลุดปากอุทานอย่างลืมตัว! เฮ้อ...เจ็บข้อเท้าจังเลย นี่ละผลของการขุดถนน! ยังดีนะที่ผมไม่ตกลงไปในหลุม ที่เขาขุดน่ะ ใจผมยังเต้นตึ๊กๆ อยู่เลยเพราะอารามตกใจ
เมื่อตั้งสติได้ ก็รู้สึกว่ามีใครเดินมาข้างหลัง...โจรรึเปล่า?
ผมหันไปดู แต่เห็นหน้าไม่ถนัดเพราะมันมืด เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่กว่าผม...คงจะไม่ใช่ผู้ร้ายหรอก เพราะเขาเดินดุ่มๆ นำหน้าผมเข้าไปในซอย...เดินเร็วมากเลยครับ คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อน ผมเดินตามเขาไปห่างๆ และรู้สึกสบายใจขึ้นมา
ในซอยนี้บางบ้านก็เปิดไฟรั้ว ผนวกกับไฟถนนที่ห่างเป็นระยะๆ ทำให้มีแสงพอมองเห็นได้ ดีกว่าตรงปากซอยที่มันดับไปดวงหนึ่ง กระนั้นบรรยากาศก็ยังค่อนข้างน่ากลัว มันดูเงียบสงัด แต่มีลมพัดอู้ๆ แล้วก็แรงขึ้นๆ ผมแหงนดูท้องฟ้า...มันมืดครึ้มคล้ายฝนจะตก!
ผมรีบเดินเร็วๆ ชายคนนั้นยังนำหน้าผม ห่างกันราวสิบก้าว ผมรักษาระยะห่างนั้นไว้ แต่ดูเหมือนเขาจะทอดจังหวะการเดินเป็นช้าลง...ช้าลง...
เอ๊ะ! หรือว่าจะหลอกให้ผมตายใจ พอเดินไปทันเขาอาจควักอาวุธมาทำร้ายผมดื้อๆ ก็เป็นได้ อันธพาลหรือโจร...
"กลัวรึ? ฮึๆ" เสียงพูดนั้นมาจากเขาแน่นอน ตอนนี้เขาอยู่ห่างผมราว 4-5 ก้าว...เขาไม่หันมาเลย ผมชักตกใจ ชะงักฝีเท้าเหมือนถูกตรึงโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่ผมกำลังละล้าละลังอยู่นั้น เขาก็หันขวับมา...แสงไฟส่องเต็มหน้าพอดี!
คุณพระช่วย! ใบหน้านั้นเป็นใบหน้าของคนตายชัดๆ ปากและจมูกมีเลือดเอ่อ เสื้อด้านหน้าเปรอะเลือดไปหมด...ผมจ้องมองภาพนั้นเหมือนถูกสะกดจิต อยากจะร้องแต่ร้องไม่ออก แข้งขาหนักอึ้งจนขยับไม่ได้ มันเหมือนฝันร้ายจริงๆ ครับ
ลมแรงพัดมาวูบหนึ่ง...พัดเอาร่างน่าสยองของชาย ผู้นั้นสลายไปกับอากาศธาตุโดยไม่มีร่องรอยว่าเคยยืนจังก้าอยู่ตรงนั้นมาก่อนเลย!
น้ำตาผมไหลพราก พยายามสะกดตัวเองไม่ให้ออกวิ่ง ทั้งแข็งใจและกลั้นใจเดินช้าๆ ผ่านไปตรงที่เขาเคยยืนอยู่ แต่อึดใจเดียวก็ไม่ไหวแล้ว...ผมเผ่นกระเจิงจนมาถึงบ้าน
เมื่อแม่ทราบเรื่องนี้จากผม แม่ก็ให้จุดธูปไหว้พระ บอกว่าตอนที่สะดุดหินน่ะใจหายวูบ และเป็นช่องทาง ให้ภูตผี วิญญาณแทรกเข้ามาได้...ทีหลังอย่ากลับดึกก็ แล้วกัน
ตั้งแต่นั้นมาผมเข็ดหลาบ ไม่กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ อีกเลยครับ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 26 - ฉบับวันที่ 9 ธันวาคม 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น