23 เมษายน 2558

วิญญาณเฮี้ยน

"ป้าแจ๋ว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ่อนผีสิง

ป้าอยู่ที่ตลิ่งชันมาตั้งแต่สมัยรุ่นสาวแล้ว รกรากดั้งเดิมน่ะอยู่บางระกำ พิษณุโลกโน่นแน่ะ ไม่รู้ว่าใครช่างตั้งชื่อว่า "บางระกำ" นะ เพราะผู้คนต้องพลอยระกำสมชื่อจากพิษสงของน้ำท่วมทุกปี ยิ่งปีก่อนด้วยแล้วสุดระกำช้ำชอกจริงๆ ค่ะ

น้ำท่วมบ้านถึงชั้นสอง หลายๆ หลังอยู่ที่ลุ่มหน่อยก็ถึงกับเกือบมิดหลังคา ข้าวของพินาศวอดวายไปกับสายน้ำ ไร่นาล่มจมถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวไปตามๆ กัน ต้องออกมานอนเรียงรายตามข้างถนนเป็นคนจรจัด! ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือหรือแก้ไขเยียวยายังไงมั่ง?

ข้อสำคัญจงอย่าลืมผู้คนทุกข์ยาก แสนจะลำเค็ญสุดๆ ก็แล้วกัน เจ้าประคุณเอ๋ย!

จะว่ารอดตัวเพราะมาอยู่ตลิ่งชันก็พูดได้ไม่เต็มปาก ไม่รู้ว่าน้ำเหนือจะไหลบ่าเข้ามาถล่มกรุงเทพฯ เมื่อไหร่? ยิ่งแถวเหนือขึ้นไปมีฝนตกกระหน่ำทั้งวันทั้งคืนจนเขื่อนเจ้าพระยารับน้ำไม่ไหว คนปากน้ำโพอ้อนวอนให้ปล่อยน้ำ แต่คนอยุธยาขอให้กักกันไว้ก่อนซักครึ่งนากลางเดือน จะได้เก็บเกี่ยวข้าวกล้าได้ทันการณ์

แต่พระพิรุณท่านซ้ำเติมจนทางเขื่อนก็สุดทน ต้องพร่องน้ำลงมาจนได้แหละคุณ

ในยามเดือดร้อนกันแทบทุกหัวระแหงแบบนี้ ผีสางอีนางโกงก็คงจะอดอยากปากหมองเพราะไม่มีใครทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ เลยออกมาเพ่นพ่านขอส่วนบุญ แต่ผู้คนเห็นเข้าก็อกสั่นขวัญแขวน บอกว่าโดนผีหลอกจนขนหัวลุกไปตามๆ กัน

ป้าเองก็โดนเข้าจังเบอร์เลยค่ะ!

เมื่ออาทิตย์ก่อนไปเยี่ยมญาติที่พิษณุโลกเสียหลายวัน ถามข่าวคราวถึงพี่น้องที่บางระกำว่าจะทนทานไปได้แค่ไหน? คนเราจะเห็นใจกันก็ในยามทุกข์ยากเดือดร้อนแบบนี้ล่ะค่ะ ช่วยอะไรไม่ได้ก็ปลอบอกปลอบใจกันไปตามเพลง

กลับบ้านคืนแรกก็เจอดีเลยเชียว!

วันนั้นฟ้าครึ้มทั้งวันแต่ไม่มีฝน พวกลูกๆ หลานๆ ป้าได้รับของฝากจากเมืองสองแควแล้วก็หายเงียบอยู่ข้างบน ป้าอาบน้ำกินข้าวว่าจะเข้าไปเอนหลังเสียหน่อย ราวสองทุ่มกว่าๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกป้าแย้ม...ป้าแย้ม...มาจากหน้าต่าง

ได้ยินเสียงก็จำได้ว่าเป็นแม่แตงคนในซอย เป็นม่ายผัวตายตั้งแต่อายุสี่สิบต้นๆ แต่แกก็ขยันทำกินเลี้ยงลูกชายสองคน กลางวันขี่จักรยานส่งขนมปัง หรือเรียกกันโก้ๆ ว่า

"เอเยนต์เบเกอรี่" ตกบ่ายเดินโพยหวย ตกค่ำออกตามขาไพ่ถ้ามากันไม่ครบสำหรับไพ่ตอง หรือน้อยคนเกินไปสำหรับวงผสมสิบกับป๊อกเด้ง

ไหนจะปั่นรถไปซื้ออาหารมาเลี้ยงพวกขาไพ่อีกล่ะ อย่างก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ หรือ ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว...ขาดขา(ไพ่) จริงๆ แม่แตงก็ต้องลง "คันขา" ไม่งั้นไม่ครบองค์ประชุมเจ้าค่ะ

ร่างผอมดำ ผมตัดสั้นเป็นกระเซิง ดูแข็งแรงเกินตัว ไม่ว่าใครก็เวทนาแม่ม่ายตัวคนเดียวที่ต้องเลี้ยงลูกกำลังกินกำลังนอน และเรียนหนังสือถึงสองคนกันทั้งนั้น...ขนาดป้าว่าจะเอนหลังเสียหน่อยก็ยังอดตามแกไปบ้านแม่ระเบียบที่เขาติดบ่อนป๊อกเด้งไม่ได้

อ้อ! ต้องมาเรียกขานกันเบาๆ แล้วตามกันไปเงียบๆ ด้วยนะคะ เพราะพวกลูกหลานป้ามันคอยห้ามปราม หรือไม่ก็กระแหนะกระแหน ไม่อยากให้ไปเล่นไพ่ดึกๆ ดื่นๆ อดตาหลับขับตานอน เดี๋ยวก็จะเป็นลมเป็นแล้งไป แต่ป้าก็ทำเสียงแข็งว่าเรื่องของฉัน ทำงานงกๆ มาแต่สาวยันแก่แล้ว ก็อยากจะหาความสุขก่อนตายให้ตัวเองมั่ง

ที่จริงป้าชอบไพ่ตองมากกว่า มันสุขุมนุ่มนวลดี ไม่ต้องรีบล่กๆ ตาหูเหลือกเหมือนผสมสิบหรือป๊อกเด้ง เสียแต่ขาไพ่ตองมักเป็นคนแก่ขนาด 70-80 ขึ้นทั้งนั้น ค่อยๆ ทยอยอำลาไปเกิดใหม่ แทบจะหาคนเล่นให้ครบ 7 คนได้ยากเย็นเต็มที

ป๊อกเด้งก็ป๊อกเด้ง เดี๋ยวก็ 2 เด้ง 3 เด้ง...จะเด้งเขาหรือเด้งเราก็วัดดวงดูแล้วกัน

ขึ้นบันไดไปบนบ้านแม่ระเบียบ มีรั้วรอบขอบชิด หมาเห่าเบาๆ ตามประสาหมาปากเปราะแม้ว่าจะคุ้นเคยกันดี เจอะเจอขาไพ่ 3-4 คนก็ไม่แปลกใจอะไรเพราะแม่แตงบอกว่าจะไปตามขาไพ่อีก 2-3 คนมาเพิ่มเติมให้ครึกครื้นหน่อย ก่อนจะแยกกันที่หน้าประตู

พี่ทองทิพย์เท้าแชร์ประจำซอย แม่ถวิล แม่ชื่น กับล้อมวงอยู่บนเสื่อกับเจ้าของบ้าน ถามไถ่กันว่าป้าหายไปไหนมาหลายวัน? ได้ข่าวว่าไปเยี่ยมญาติโดนน้ำท่วมต่างจังหวัด...อ้อ! แล้วนี่ป้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมถึงรู้ว่าพวกเรากำลังรอขาอยู่พอดี?

"แม่แตงไปตามน่ะซี" ป้าตอบไปตามตรง "เพิ่งแยกกันที่หน้าบ้านเมื่อตะกี้..."

เสียงวี้ดว้ายดังระงม ทุกคนผงะหน้า เบิกตากว้าง แม่ชื่นยกมือปิดปาก เบิกตาโพลง ส่วนพี่ทองทิพย์อ้าปากค้าง แม่ถวิลเรอเอิ๊กเหมือนจะเป็นลม แม่ระเบียบเจ้าของบ้านครางเบาๆ ว่า...ยายแตงเป็นลมตายเมื่อตอนเย็นนี้เอง ตอนนี้ศพยังอยู่ที่วัด! โอย...

บ่อนป๊อกเด้งยังปิดเงียบเชียบมาจนเดี๋ยวนี้...แต่ป้าน่ะเข็ดเรื่องเล่นไพ่ไปจนตายเลยค่ะ กลัวจะมีผีมาตามเข้าบ่อนน่ะซีคะ! บรื๋ออออ....

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 26 - ฉบับวันที่ 23 ธันวาคม 2557

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น