06 กันยายน 2556

พบกันที่สนธยา

"แก้วตา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากภาพสยองขวัญ

ดิฉันอยู่แถวดินแดง กรุงเทพฯ นี่เองค่ะ ระหว่างถนนรัชดาฯ กับวิภาวดีฯ มีถนนและซอยต่างๆ แผ่กระจายเหมือนใยแมงมุม...เหตุการณ์สยองขวัญอุบัติขึ้นที่หน้าบ้านดิฉันเอง!

ฝั่งข้ามเป็นตึกแถวเรียงราย มีซอยคั่นทุกหลังขนาดรถแล่นเข้าได้ก็มี เป็นทางเดินแคบๆ ก็มี ตึกแถวมีทั้งเรียงรายราว 5-6 ห้อง กับมีแค่ 2 ห้องที่ทะลุถึงกัน แต่ทุกวันนี้เป็นตึกร้างไปแล้ว

มองจากระเบียงบ้านดิฉันไป คือตึกแถว 5 ห้องที่เปิดเป็นร้านอาหาร ร้านขายของชำ อีก 2 ห้องริมซอยเล็กๆ เป็นที่อยู่อาศัย มีรถราขวักไขว่ตอนกลางวัน ผู้คนก็เดินเข้าออกหนาตา บางคนเงยขึ้นมาร้องทักทาย บางคนดิฉันก็ทักลงไป ล้วนแต่คุ้นๆ หน้ากันทั้งนั้นค่ะ

มอเตอร์ไซค์ทั้งส่วนตัวและรับจ้างแล่นกระหึ่ม ส่วนมากมักจะระมัดระวังอันตรายกันพอสมควร...เสียแต่ไม่ค่อยชอบสวมหมวกนิรภัยกันเสียเลย!

ขนาดออกถนนใหญ่ยังไม่สวมเลยค่ะ เห็นแล้ว เสียวไส้แทน ตำรวจก็ไม่สนใจจับกุม หรือว่ากล่าว ตักเตือนหรอก รู้ทั้งรู้ว่าอันตรายเหลือเกิน ถ้าสวม หมวกกันน็อกจะช่วยได้มากเชียว

เพราะเหตุนี้เอง เรื่องสยองขวัญจึงอุบัติขึ้นต่อหน้าต่อตาดิฉันเอง!

วันเกิดเหตุเป็นบ่ายวันอาทิตย์ ดิฉันไปนั่งที่ม้ายาวริมระเบียงกับหลานชาย มองดูรถรา และผู้คนที่เดินเข้าออกไม่ขาดระยะ ร้านเสริมสวยมีลูกค้าหนาตาเป็นพิเศษ เพราะมาสระผม ไดร์ผมสำหรับไปทำงานในวันรุ่งขึ้น

เสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มจนไม่น่าใส่ใจ แต่แล้วคล้ายมีลางสังหรณ์บางอย่าง ทำให้ดิฉันหันไปมองทางก้นซอยโดยไม่ได้ตั้งใจ

รถเครื่องสีแดงเลือดนกกำลังแล่นลิ่วออกมา คนขับไม่ได้สวมหมวกนิรภัยตามเคย! เสื้อวินสีเขียวทำให้รู้ว่าเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง...มีการเคลื่อนไหวทางขวามือ ดิฉันหันขวับไปมองก็ต้องชาวาบไปทั้งตัวบัดดล

เด็กชายวัยสิบขวบกำลังวิ่งออกมาจากซอยเล็กพอดี!

ตาอั้น...แม่ของแกกำลังรอคิวทำผมอยู่ในร้าน...มอเตอร์ไซค์กับเด็กชายกำลังจะพบกันตรงหัวมุมตึกแถว แต่ต่างฝ่ายต่างก็มองไม่เห็นกันหรอกค่ะ...เหมือนภาพ สโลว์โมชั่นน่าสยดสยองสิ้นดี

รถสีแดงพุ่งเข้าชนเด็กชายเสียงโครม!

ทั้งรถทั้งคนกระเด็นลงไปกลิ้งบนถนน ตามด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนเข้าไปถึงหัวใจ ผู้คนวิ่งถลาออกมามุงดู ดิฉันเองก็ลุกพรวดพราดขึ้นไปเกาะลูกกรงระเบียงมอง ลงไป เห็นแต่หัวดำๆ กับเสียงพูดเซ็งแซ่...เลือดแดงฉานไหลนองอยู่บนพื้นถนนจนดิฉันรู้สึกปวดมวนในช่องท้อง ภาพต่างๆ พร่าเลือนไปชั่วขณะ

ตั้งแต่เกิดมา ดิฉันไม่เคยเห็นภาพสุดสยองแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

ทรุดร่างลงนั่งแปะตามเดิม เสียงหลานชายซักถามอะไรดังแว่วๆ รู้สึกหัวใจเต้นแรง แทบกระทบโพรงอก มือเท้าเย็นชืดไปหมด...ได้ข่าวว่าเด็กชายสลบคาที่ คนขับมอเตอร์ไซค์ศีรษะแตก ดูเหมือนแหลกยับเยิน เพราะไม่ได้สวมหมวกนิรภัย

ไปตายที่โรงพยาบาลทั้งคู่เลยค่ะ!!

เวลาผ่านไปเกือบเดือน มีอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นหลายราย ชาวบ้านแทบจะลืมเหตุการณ์สยองขวัญนั้นไปเกือบหมด แต่ดิฉันยังจำได้ว่าคนขับมอเตอร์ไซค์คันนั้นชื่อนายชิต บ้านอยู่แถวตลาดใกล้ๆ กันกับตาอั้น-เด็กน้อยที่ต้องมาตายก่อนวัยอันสมควร

ดิฉันยังออกไปนั่งเล่นกับหลานชายที่ระเบียงบ้านเสมอ ไม่ทราบมีอะไรมาดลใจให้นึกถึงนายชิตกับตาอั้นผู้ล่วงลับไปแล้ว วันเกิดเหตุ กำลังนั่งคุยกันเพลินๆ เสียงมอเตอร์ไซค์พลันดังกระหึ่มมาจากก้นซอย...

ดิฉันหันไปมองก็เห็นเสื้อกั๊กสีเขียวของรถรับจ้าง แต่เมื่อหันไปทางขวาก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาวิ่งออกมาจากซอยเล็กเร็วจี๋...

คุณพระช่วย! ภาพสโลว์โมชั่นแสนสยองอุบัติขึ้นมาอีกแล้วค่ะ!

มอเตอร์ไซค์คันนั้น...นรกเป็นพยาน! คนขับคือนายชิต...ส่วนเด็กชายก็คือตาอั้น! ทั้งสองคล้ายจะนัดพบกันตรงจุดเดิม

ดิฉันได้ยินเสียงโครมสนั่น ร่างตาอั้นกระเด็นไปพร้อมๆ กับรถนายชิตล้มคว่ำ ดิฉันลุกพรวดพราดขึ้นไปคุกเข่าเกาะลูกกรงระเบียง จ้องมองด้วยหัวใจเต้นระทึกแทบจะแตกสลายไป

ไม่มีเสียงหวีดร้อง...ไม่มีใครมามุงดูเหมือนคราวนั้น! รถราและผู้คนยังขวักไขว่ไปมาตามปกติ ดิฉันขยี้ตาแล้วจ้องมองอีกครั้งก็ไม่เห็นภาพสยองอะไรเลย ชั่วขณะหนึ่ง ดิฉันคิดว่าตัวเองคงหมกมุ่นจนตาฝาดไปเองแน่ๆ

หรือไม่ก็พลัดหลงเข้าไปในแดนสนธยาไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ก็เล่นเอาขนหัวลุกไปเลยค่ะ!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 30 ฉบับวันที่ 13 พฤษภาคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น