11 กันยายน 2556

ปีศาจหนองเสือ

"ลุงจอน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อขี้ยาโดดน้ำหนีตำรวจ

ย่านหนองเสือ ธัญบุรี บ้านผมที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ แค่ปากกับจมูกนี่เอง ทำไปทำมาดูเหมือนจะกลายเป็นชุมชนของเพื่อนบ้านคนละประเทศอย่างพี่น้องลาวไปแล้ว พอๆ กับที่มหาชัยซึ่งเกือบจะกลายเป็นจังหวัดหนึ่งในพม่าไปเรียบร้อยหงสาวดี

ใครอยากไปเที่ยวพม่า แต่โผล่ไปมหาชัยก็พอ เผลอๆ ผู้ชายก็นุ่งโสร่ง ผู้หญิงทาแป้งทานาคาสวยสะเด๊ะไปเลย

ช่วงสงกรานต์นี่พี่หม่องกลับไปเยี่ยมบ้านตามประเพณี ไม่ใช่หนีค่าแรงถูกๆ หรอกครับ อย่าเข้าใจผิด ค่าแรงในเมืองไทยน่ะสูงกว่าพม่าตั้งสิบกว่าเท่า ใครจะทิ้งไปให้โง่ล่ะ?

หลังสงกรานต์ก็ขี้คร้านจะเลเล้ฮุยกลับมามากกว่าเก่านะนา ผมว่า!

อ้าว? มัวแต่ฝอยเรื่องนี้ เดี๋ยวก็ลืมเล่าเรื่องขนหัวลุกแสนจะพิลึกกึกกือที่หนองเสือบ้านผมไปจนได้...แหม! นึกถึงแล้วขนลุกโด่เด่ บอกไม่เชื่อ

ราวสิบปีมาแล้วครับที่พวกอาเสี่ยปลูกหญ้าขายมายึดทำเลแถวนั้น หลังจากหนองเสือเคยขึ้นชื่อเรื่องส้มบางมดที่ย้ายมาปลูกอยู่นานโข จนกระทั่งดินเปรี้ยวดินเค็ม หรือพูดตรงๆ ก็คือดินจืด เพราะไม่ได้ทำนุบำรุงตามสมควร มุ่งหน้าค้ากำไร หวังกอบโกยทรัพย์ในดินสินในน้ำลูกเดียวจนเจ๊งกันระเนระนาด

ย้ายไปหาทำเลใหม่ อย่างสิงห์บุรี ชัยนาท พิจิตร อะไรโน่นแน่ะ...ผมน่ะไม่ได้เห็นเองหรอกครับเพราะไม่ได้ตามแห่ไปดู ฟังแต่เขาเล่าว่าเท่านั้นแหละ

จากสวนส้มกลายเป็นบ้านจัดสรรมั่ง ปลูกหญ้าขายสำหรับใช้ปูสนามมั่ง

ค่าแรงพี่น้องชาวลาวยังไม่แพงนี่ครับ ทางนั้นก็ทยอยมาทำมาหากิน หรือเผชิญโชคในเมืองไทย ปรากฏว่าถูกหวยเลยบอกกล่าวกันปากต่อปาก ทอยกันมาเป็นขบวนใหญ่ ลูกเล็กเด็กแดงขนมาหมด เถ้าแก่ออกเงินให้ปลูกกระท่อมอยู่ก่อนแล้วค่อยหักค่าจ้างกันทีหลัง

จากไม่กี่สิบคนกลายเป็นร้อยกว่าเข้าไปแล้ว ทั้งมีใบอนุญาตกับแรงงานเถื่อน!

ตำรวจหนองเสือไม่ค่อยสนใจไยดีหรอกครับ ถือว่าไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนอะไรให้ คอยจ้องจับแต่ยาบ้าก็เหนื่อยไม่เสร็จแล้ว

พี่น้องคนลาวอยู่ๆ ไปก็ชักรู้ทันเถ้าแก่ ไม่ยอมรับทำงานรดน้ำ ลงปุ๋ย แซะหญ้าเป็นงานเหมาอีกต่อไป แต่คิดเป็นตารางเมตร มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ตกเย็นตั้งวงซดเหล้าขาวกันตรึม ไอ้ที่ยังหนุ่มแน่นหรือเงินหนาก็ล่อเบียร์ลีโอ กันซะเลย

"วรนุช" หรือเหี้ย คือกับแกล้มแซบหลายๆ ทุบหัวโยนใส่กองไฟเดี๋ยวก็ดำเกรียม ช่วยกันถลกหนังดำปี๋ออกเห็นเนื้อขาวจั๊วะยังกะปุยฝ้าย ทำแจ่วชามโตๆ ทั้งหญิงและชาย ลูกเล็กเด็กแดงมาล้อมวงจิ้มกันหนุบๆ หนับๆ ปั้นข้าวเหนียวใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ เดี๋ยวก็อิ่มพุงซื่อไปแล้ว

คุณวรนุชชะตาขาดเหลือน้อยลงทุกที แต่กุ้งหอยปูปลาก็ยังมีถมเถ!

ทำข่าย วางแร้วดักเหยื่อกันสนุก ริมคลองหายากก็ไปล่าเอาตามบึงตามหนอง หน้าแล้งน้ำน้อยยังงี้หาปลาไม่ยาก ไม่ว่าไอ้ดุก ไอ้ช่อน ปลาหมอ...ได้มาก็สับๆ ทำลาบแกล้มเหล้ากันเพลินไป

หลายๆ คนคิดสั้น หันไปเล่นยาบ้าก็มีครับ!

พวกนี้ต้องซุกๆ ซ่อนๆ หน่อยเพราะตำรวจเอาจริง มันเอามาบดใส่ซองตะกั่วพับเป็นรูปเรือ จุดเทียนลนไต้แล้วใช้หลอดกาแฟดูดควันนรกเพลิดเพลิน ทำหน้าตาผาสุกหยั่งได้ขึ้นสวรรค์...จนกระทั่งตำรวจโขยงใหญ่กรูเกรียวเข้ามา

แหม! มันวิ่งกันให้พล่านเหมือนหนูในกระทะร้อนๆ มีอยู่รายชื่อไอ้คำถึงกับพุ่งโครมลงหนองน้ำไปเลย...แม้น้ำจะน้อยแต่ก็มีผักตบลอยฟ่อง ทั้งผักตบชวากับผักตบไทย

ผักตบไทยปลายใบแหลม กินได้ทั้งใบทั้งดอก จะต้มจิ้มน้ำพริกหรือแกงส้มก็ได้ บ้านผมเรียก "ผักโป่ง" ไอ้คำดอดเข้าไปลอยคออยู่ในกอผักโป่ง ไม่มีใครมองเห็น ตำรวจยกขบวนมาเกือบหมดโรงพักได้มั้ง แต่ไม่มีใครยอมลุยน้ำไปจับไอ้คำ ตะโกนให้มันขึ้นมามอบตัวโดยดีก็ไร้ผล

อ๋อ! เขามีวิธีแยบยลกว่านั้นครับ

ตำรวจซุบซิบกันแล้วขว้างอะไรไปที่กอผักโป่ง ไทยมุงสะดุ้งโหยงไปตามๆ กันเพราะเสียงมันดังเหลือหลาย ผมเพิ่งเห็นต้นตอของเสียงว่ามันมีทั้งคล้ายๆ กลักไม้ขีด สีเหลืองกับคล้ายมะเขือกลมๆ สารพัดสี ลอยละลิ่วไปดังเปรี้ยงปร้าง ควันโขมงเชียว

"ยอมแล้วโว้ย! ยอมแล้ว..." ไอ้คำชูมือว่อน ตะเกียกตะกายเข้าหาฝั่ง หน้าตาซีดเซียวดูม่อลอกม่อแลกจนอดขำไม่ได้ ตำรวจช่วยกันดึงแขนมันขึ้นมา "โอย...ผีมันจับกู! ช่วยด้วย..."

คราวนี้ทุกคนอ้าปากค้างไปตามๆ กันเมื่อเห็นมือคนที่มีแต่กระดูกกำรอบขาซ้ายไอ้คำไว้แน่น...ไม่รู้ใครถูกฆ่าหรือจมน้ำตายตั้งแต่เมื่อไหร่? กระดูกมือมาจับขาไอ้คำได้ยังไง? บรื๋อออ...

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 30 ฉบับวันที่ 16 พฤษภาคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น