27 กันยายน 2556

ถนนคร่าวิญญาณ

สุเมธ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากต้นโพธิ์อาถรรพณ์

ผมเป็นคนหนึ่งที่ต้องอาศัยแท็กซี่ไปทำงานและกลับบ้าน ระหว่างขาไปจากซอยคลังมนตรี ประชาชื่น มุ่งหน้าไปสู่ถนนรัชดาภิเษก ปลายทางคือบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งที่ถนนอโศก

ถนนสายหลักดังกล่าวนั้น เป็นที่ร่ำลือกันมาช้านานว่าผีดุที่สุด!

ดูเผินๆ อาจจะคิดว่าเหลือเชื่อไปหน่อย

แหม! ถนนรัชดาฯ น่ะแสนจะคึกคักซู่ซ่าไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน เพราะมีทั้งโรงแรม โรงนวด ผับ เธค บาร์ คาราโอเกะ รวมทั้งสปา และนวดแผนไทย นวดเท้า ที่กำลังได้รับความนิยมแพร่หลายอีกล่ะ นับแล้วเป็นร้อยๆ แห่งสองฟากถนน

ตอนเย็นรถราติดขัดเป็นประจำ ยิ่งต้นเดือนแล้วต้องบอกว่ารถติดวินาศสันตะโร!

แสงสีสว่างปานนั้น แล้วจะมีผีดุได้ยังไง?

เป็นที่ถกเถียงกันไม่หยุด ตั้งแต่ต้นทางแถวอโศก-ดินแดงไปยันศาลอาญา มีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ชนกันตูมตามตะละครั้งถ้าไม่ตายก็สาหัสแหละคุณเอ๋ย...เคยถกเถียงกันว่าตายหลายร้อยหรือหลายพัน? ตั้งแต่สร้างถนนมาราว 30 ปีก่อนน่ะ? ปรากฏว่าคนเชื่อฝ่ายหลังครับ

ไม่นับคนเจ็บมากน้อย เชื่อว่ามีคนตายหลายพัน...โดนผีหลอกกันมานับไม่ถ้วน!

เรื่องที่ดังมากก็คือ ผีสาวเรียกแท็กซี่ไปส่งวัดเสมียนนารีนั่นไงครับ เชื่อว่าใครๆ ก็คงเคยได้ยินกันมาบ้างล่ะ เพราะเป็นข่าวทั้งหนังสือพิมพ์และวิทยุ ขนาดทีวียังแพร่ภาพหลายช่อง อีกทั้งสัมภาษณ์แท็กซี่หลายคนที่โดนผีหลอก...น่าขนลุกขนพองจริงๆ เอ้า!

นอกจากนั้นยังมีแหล่งอาถรรพณ์ หรือผีดุบรรลัยอีกแห่งหนึ่ง คือแถวหน้าศาลอาญานั่นไงครับ

ลือกันว่าต้นโพธิ์บนเกาะกลางถนนนั่นแหละเฮี้ยนนัก! ผ่านไปเห็นผ้าเหลืองผ้าแดงติดพราวก็น่าเชื่อถือไม่หยอก แถมมีม้าลายแก้บนอีกหลายสิบตัว ตอนดึกๆ รถน้อย ห้อตะบึงกันจนแทบจะลืมทางโค้งตรงนั้น...มีคนขับรถโดนผีหลอกหลายรูปแบบแทบไม่น่าเชื่อ

นั่นคือ จู่ๆ ก็มีผู้หญิงวิ่งตัดหน้า เล่นเอาต้องกระทืบเบรกกันตัวโก่ง ใครมาช้าก็รอดตัวไป แต่ถ้าใครมาเร็วมีหวังรถพุ่งออกนอกทาง ขนาดข้ามเกาะไปชนกับรถฝั่งตรงข้ามก็ยังมี...ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะครับ งานนี้!

บางทีขับมาเพลินๆ ไม่ถึงกับรีบร้อนอะไรนักหนา แต่พอผ่านหน้าศาลอาญาเท่านั้นแหละ จู่ๆ ก็มีผู้หญิงมานั่งปร๋ออยู่ข้างๆ ใครไม่ตกใจแทบจะช็อกตายก็นับว่าเลือดเย็นเต็มที

เฮ้อ...เรื่องนี้ผมหายห่วงได้ เพราะอาศัยแท็กซี่อย่างที่ว่า

อ้าว? คนเราบทจะเคราะห์หามยามซวย ต้องประสบพบเห็นภาพสยองขวัญ หรือโดนผีหลอกน่ะ...ทำยังไงมันก็หนีไม่พ้นหรอกครับ!

คืนนั้นตรงกับวันศุกร์สิ้นเดือนพอดี มนุษย์เงินเดือนอย่างผมก็ย่อมมีหน้าตาแช่มชื่นพอสมควร เพราะกดเอทีเอ็มกระเป๋าตุงไปตามๆ กัน...อีกไม่กี่วันก็กลับแฟบตามเดิม เพราะต้องจ่ายค่าบัตรเครดิตคนละ 2-3 ใบ!

แต่ไม่เป็นไร...จ่ายเสร็จก็ไปกดเงินมาใช้ใหม่ วนเวียนแบบนี้แหละคุณ

เพื่อนฝูงสนิทๆ กันชวนเข้าผับ อ้างว่าแก้เหนื่อยบ้าง ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง ทั้งๆ ที่หลายคนงานเลิกก็แวะผับกันเป็นประจำอยู่แล้ว

กว่าจะแยกย้ายกันกลับได้ก็ห้าทุ่มกว่า พอรถเข้า รัชดาฯ ก็ติดกันเป็นแพเพราะคนเที่ยวคึ่กๆ ผมเจอคนขับแท็กซี่หนุ่มใหญ่ หน้าตาเอาเรื่องถึงกับบ่นดังๆ ว่ารถติดจริงโว้ย...อะไรกันนักกันหนา!

จนกระทั่งเลยสุทธิสารกับลาดพร้าวมาแล้วรถรากลับบางตา แล่นกันลิ่วๆ ผมเอนหลังหลับตาได้ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงคนขับด่าขรม เบรกรถเอี๊ยด...กระทั่งจอดสนิทข้างทาง

ผมผงกหัวลืมตามอง ได้ความว่ามีผู้หญิงวิ่งตัดหน้า ดีที่เขาไม่ได้ขับเร็วจึงพอจะเบรกทัน ผมถามว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน? เขาเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะเกาหัว แกรกๆ เพราะมองไม่เห็นเสียแล้ว...ได้แต่บ่นอะไรพึมพำก่อนจะเข้าเกียร์ออกรถ แต่เครื่องยนต์ดันดับสนิท!

เสียงบ่นพึมพำด้วยความหัวเสียดังขึ้นอีก พยายาม สตาร์ตเครื่องใหม่แต่ก็ติดๆ ดับๆ จนผมถอนใจเฮือก...หันมองทางขวามือเหมือนมีอะไรดลใจ

คุณพระคุณเจ้าทรงโปรด! ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้หน้าเย็นวาบ เลือดลดตัวลงจนเย็นวูบ อ้าปากค้าง ปากคอแห้งผากในฉับพลันทันใด

นั่นคือต้นโพธิ์บนเกาะกลางถนนยืนทะมึนอยู่ใต้แสงดาว ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น...อุบัติเหตุสยองหวิดจะเกิดขึ้นตรงนี้เอง ขณะที่คนขับแท็กซี่เพิ่งจะหันมายกมือไหว้ ทำท่าขนลุกขนพอง...ก่อนจะสตาร์ตเครื่องดังกระหึ่มในบัดดล

เรื่องนี้คงจะเข้าตำรา "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" จริงมั้ยครับ?!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 30 - ฉบับวันที่ 21 มีนาคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น