"บุษบง" เล่าเรื่องขนหัวลุกแสนจะน่าอัศจรรย์ของวิญญาณสุดเฮี้ยน
วันนี้ดิฉันมีเรื่องแปลกประหลาดมาเล่าให้ฟังค่ะ มันทั้งน่าแปลกและน่ากลัวสุดๆ ที่ยังไม่เคยได้ยินได้ฟัง หรือแม้แต่เคยอ่านพบมาก่อนเลยสักครั้งเดียว!
เมื่อตอนเปิดเทอมที่ผ่านมานี่เอง สาวใช้ขอลาไปเยี่ยมแม่ป่วยหนักที่ต่างจังหวัด คิดว่าคงจะต้องอยู่ดูแลค่อนข้างนาน ไม่มีกำหนดกลับแน่นอน แต่เธอมีน้ำใจเป็นห่วงว่าดิฉันคงจะเหนื่อยมากขึ้นเพราะมีแม่ครัวอยู่คนเดียว ไหนจะสามีและลูกๆ ที่ไปทำงานและไปโรงเรียนกันทุกคน
ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงพาหลานสาวมาช่วยงานบ้าน ชื่อหนูอ๋อย กำลังเป็นสาววัยรุ่น เคยมาทำงานในกรุงเทพฯ ได้เดือนเศษแล้ว แต่มีปัญหากับเจ้าของบ้านเกี่ยวกับเรื่องผีๆ สางๆ อะไรนี่เอง แต่ดิฉันไม่ได้ซักไซ้ให้ยาวความ
อ๋อยเป็นเด็กน่ารัก ผิวขาวสวย ผมยาวประบ่าหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู รูปร่างเล็กๆ บางๆ ไปไหนมาไหนคนก็มอง ดิฉันอดยิ้มไม่ได้...พวกนั้นคิดว่าเธอคงเป็นลูกๆ หลานๆ ของดิฉันแน่เลย ส่วนอ๋อยก็รู้จักวางตัวดี สุภาพเรียบร้อย กิริยาวาจาอ่อนโยนนิ่มนวล ทำให้ดิฉันยิ่งเอ็นดูเธอมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่น่าแปลกอยู่อย่างก็คือ อ๋อยเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย สั่งอะไรก็รีบกุลีกุจอทำให้ทันที ไม่มีทีท่าอิดออดหรือเลี่ยงงาน แต่ดิฉันสังเกตได้ว่าเมื่อสั่งให้เธอไปปัดกวาดห้องพระของสามีที่อยู่ใกล้ห้องนอน เธอจะหายขึ้นไปสักครู่แล้วกลับลงมา ก้มหน้าก้มตาหยิบฉวยการงานอื่นๆ จนทำให้ดิฉันเอะใจว่าเธอทำงานเร็วผิดปกติ
วันหนึ่ง หลังจากอ๋อยลงมาแล้วรีบหลบไปหลังบ้าน ดิฉันจึงขึ้นไปดูห้องพระทันที!
ตอนแรกอดระแวงไม่ได้ว่าเธอจะมือไวใจเร็ว เห็นหน้าซื่อๆ แต่มีคติว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ" ห้องพระก็มีพระเครื่องของสามีที่ใส่ถาดเอาไว้มากพอสมควร ไหนจะพวกเครื่องรางของขลังอีกล่ะ? ถ้าอ๋อยเกิดสะดุดตาหรือมีความรู้เรื่องนี้พอสมควร อาจจะฉกฉวยติดมือไปก็เป็นได้
ยอมรับว่าดิฉันดูไม่ออกหรอกค่ะ ว่ามีอะไรหายไปหรือเปล่า? แต่ที่แน่ๆ ก็คืออ๋อยยังไม่ได้ทำความสะอาดห้องพระตามที่สั่งไว้หยกๆ แน่นอน เพราะข้าวของวางอยู่ตามเดิมทุกอย่าง....ดิฉันลงมาดุอ๋อยว่ารังเกียจห้องพระหรือไงจึงไม่ยอมทำความสะอาดเสียที?
เท่านั้นแหละค่ะ ยัยอ๋อยร้องไห้โฮ ทรุดลงยกมือไหว้ดิฉันพลางบอกเสียงสั่นเครือว่า หนูกลัวค่ะคุณ...หนูไม่กล้าเข้าห้องพระจริงๆ ค่ะ!!
"อะไรนะ?" ดิฉันแทบผงะหน้าด้วยความตกใจ
"เธอไม่กล้าเข้าห้องพระ! กลัวอะไร? เธอเป็นผีเหรอถึงได้กลัวพระน่ะ?"
"เปล่าค่ะ สาบานได้!" อ๋อยสะอื้นไห้จนน้ำตาอาบหน้า "หนูไม่ได้เป็นผี แต่เคยโดนผีหลอกในห้องพระเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง... ทีนี้หนูเลยไม่กล้าเข้าห้องพระอีกเลย คุณใช้อะไรหนูเต็มใจทำให้ทุกอย่าง ขออย่างเดียวอย่าให้เข้าห้องพระก็แล้วกันค่ะ"
และแล้ว อ๋อยก็เล่าเรื่องน่าขนหัวลุกให้ดิฉันฟัง!
เมื่อเข้าไปทำงานในบ้านใหญ่โตค่อนข้างเก่าแก่แห่งหนึ่งที่คลองตัน อ๋อยก็ทำงานมาด้วยความราบรื่นทุกประการ จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณนายสั่งให้ไปปัดกวาดห้องพระชั้นบน เธอก็รีบคว้าไม้กวาดกับที่ตักผงขึ้นไปทำตามคำสั่งทันที
ห้องพระที่นั่นค่อนข้างกว้างขวาง มีโต๊ะหมู่บูชากับกระถางธูปตั้งเด่น ที่สะดุดตาก็คือ ภาพถ่ายในกรอบขนาดใหญ่ของชายชรากับสตรีที่แต่งกายเต็มยศ เหรียญตราแพรวพราวเต็มอก อ๋อยรีบก้มหน้าก้มตาปัดกวาดฝุ่นละอองค่อนข้างหนา เพราะรู้สึกบรรยากาศในห้องนั้นเงียบเชียบเยือกเย็นน่าวังเวงพิกล
"ฮะแอ้ม!!" เสียงกระแอมดังมาจากข้างฝา ทำให้เด็กสาวสะดุ้งโหยง หันขวับไปมองที่ภาพถ่ายก็เห็นหญิงชายในภาพนั้นกำลังหลิ่วตาให้เธออย่างล้อเลียน เล่นเอาอ๋อยถึงกับขนลุกซ่า ขยี้ตาให้แน่ใจแล้วมองดูอีกครั้ง
คราวนี้ภาพนั้นเป็นปกติตามเดิม ทำให้เด็กสาวถอนใจอย่างโล่งอก คว้าไม้กวาดจะออกจากห้องอยู่แล้วแต่มีเสียงกระแอมดังขึ้นอีกครั้ง...คราวนี้อ๋อยถึงกับเผ่นอ้าวออกมาด้วยหัวใจเต้นโครมคราม เหน็ดเหนื่อยประหนึ่งจะขาดใจตาย!
อีก 2-3 วันต่อมาก็ได้รับคำสั่งให้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องพระอีกแล้ว เด็กสาวใจเต้นระทึก แข็งใจเข้าไปยกมือไหว้พระ ปลอบตัวเองว่าพระท่านต้องคุ้มครองแน่ๆ ก็ผีกลัวพระนี่นา
ขณะง่วนอยู่กับการปัดกวาดพื้น เสียงโครมสนั่นก็ดังลั่นในความเงียบ อ๋อยหวีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ หันขวับไปมองก็เห็นกรอบรูปขนาดใหญ่หล่นเปรี้ยงลงมาแตกกระจายที่พื้นห้อง เสียงหัวเราะดังกระหึ่มจนเด็กสาวล้มแผละลงก้นจ้ำเบ้า ปล่อยโฮออกมาสุดเสียงในพริบตา
เรื่องของอ๋อยจบลงตรงที่เธอขอลาออกจากงานมาอยู่กับญาติ แล้วสาวใช้ของดิฉันก็นำมาฝากให้อยู่กับเรา...ดิฉันฟังแล้วคิดตามไปด้วย ผีมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ดิฉันขนหัวลุกค่ะ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 30 ฉบับวันที่ 17 พฤษภาคม 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น