29 สิงหาคม 2556

บ่อน้ำคร่าวิญญาณ แถวนนทบุรี

"หนูจุ๋ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเห็นเด็กโดดบ่อน้ำที่นนทบุรี

"หนูเป็นเด็กตจว.กำพร้าพ่อแม่มาหลายปีแล้ว แม่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ส่งเงินให้หนูกับยาย ตอนสงกรานต์แม่มาเยี่ยมแต่อยู่ได้ไม่กี่วัน หนูคิดถึงแม่ อยากอยู่กับแม่นานๆเลยขอแม่ไปเที่ยวกรุงเทพฯ ด้วย แม่ก็ตกลงค่ะเพราะเป็นตอนปิดเทอมใหญ่พอดี

แม่ทำงานเป็นผู้ช่วยแม่บ้านแห่งหนึ่ง เห็นเขาเรียกเมืองนนท์ แต่ทำไมแม่เรียกกรุงเทพฯ ทุกคำก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ

บ้านนั้นเป็นตึกสองชั้นในหมู่บ้านจัดสรร เข้าไปในซอยค่อนข้างลึก มีที่ว่างๆอยู่หลายแปลง บางแปลงก็เริ่มปลูกสร้าง แต่ข้างๆบ้านที่แม่อยู่ยังว่างอยู่ค่ะ มีทั้งดงหญ้า บ่อน้ำและลานกว้าง ตอนเย็นเห็นเด็กๆแถวนั้นมาวิ่งเล่นกันเกรียวกราวน่าสนุก

แม่ห้ามหนูไปเล่นที่นั่น บอกว่าเมื่อ 3-4 เดือนก่อนเคยมีเด็กผู้หญิงเข้าไปเล่น แล้วพลัดตกบ่อตาย

บ้านที่แม่ทำงานก็น่าสบายค่ะ เพราะมีพ่อแม่กับลูกชายรุ่นเดียวกับหนู 2 คน ตอนเช้าก็ขับรถพากันออกไปหมด บอกให้หนูดูทีวีไ ด้ อยากกินน้ำส้มน้ำหวานหรือขนมในตู้เย็นก็ตามใจ

สงสัยรู้ทันว่าถึงไม่บอกหนูก็คงทำแน่ๆเลยบอกเสียก่อนดีกว่า จริงมั้ยค่ะ?

บอกตรงๆว่าหนูไม่ค่อยตื่นเต้นทีวีกับขนม เพราะที่บ้านหนูก็มี แต่สนใจเรื่องบ่อน้ำที่แม่เล่ามากกว่า เนื่องจากแถวบ้านหนูมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ตกน้ำตายกันหลายคน ทั้งตกบ่อและตกแม่น้ำใกล้ๆ บ้าน เพราะลงไปเล่นน้ำบ้าง ไปหาปลาจนเรือล่มเป็นตะคริวตายบ้าง

ทางบ้านหนูเชื่อว่ามีผีน้ำมาเอาวิญญาณไปค่ะ!

ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่าคนตกน้ำตาย ฆ่าตัวตาย หรือโดนฆ่าทิ้งน้ำ วิญญาณจะสิงสู่วนเวียนอยู่ที่นั่น เรียกว่า "ผีน้ำ" คอยปรากฏตัวหลอกหลอนผู้คนบ้าง ชักชวนให้คนไปอยู่ด้วยบ้าง ใครชะตาขาดก็ตกน้ำตาย กลายเป็นผีน้ำไปด้วย

บางคนก็เชื่อว่า ถ้าผีน้ำมาเอาชีวิตใครไปได้ วิญญาณดวงใหม่ก็จะมาทดแทนวิญญาณของตน จะได้หลุดพ้นจากบ่วงกรรม มีโอกาสไปผุดไปเกิดเสียที

มีข้อแม้ว่า คนใหม่ต้องชะตาขาดหรือถึงฆาตจริงๆ ถึงจะแตกเป็นเหยื่อผีน้ำค่ะ ถ้าดวงแข็งก็ไม่เป็นไร

หนูถามแม่เรื่องนี้ ก็ได้รับคำตอบว่าที่นี่ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ ตอนแรกๆ ผมคนอื่นก็กลัวกัน พ่อแม่คงจะห้ามด้วย แต่ไม่นานก็ลืมเลือนไป เด็กๆก็มาวิ่งเล่นกัน เตะฟุตบอลกันหนาตาตามเดิม

เย็นหนึ่ง แม่ทำกับข้าวอยู่หลังบ้าน หนูออกไปยืนเกาะรั้วโปร่งๆ ข้างบ้านดูเขาวิ่งเล่นกัน หัวเราะกันน่าสนุก บางคนก็ขี่จักรยานมาเล่น เพื่อนบ้านก็ซิ่งไปซ้อนท้ายคนอื่นๆ ก็วิ่งตามกันวนเวียนไปมาใกล้ๆ กันบ่อน้ำนั้น

คนที่เตะฟุตบอลก็เตะกันไป ที่เล่นก็ไล่จับก็วิ่งกันไป จักรยานคันนั้นก็แล่นต่อไปน่าเพลิดเพลิน

จนกระทั่งดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบไม้ แต่แสงสว่างก็ยังอยู่เพราะเป็นฤดูร้อน สายลมพัดมาวูบใหญ่จนเย็นซ่านไปทั้งตัว

จู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงอายุราว 6-7 ขวบ นุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืดสีแดงไว้ผมม้า หน้ากลมแป้น ตาดำโต เดินเข้ามาหาหนูพลางชวนยิ้มๆ ว่า ไปวิ่งเล่นด้วยกันมั้ย?

หนูส่ายหน้า บอกว่าอยากจะออกไปเล่นด้วยเหมือนกัน แต่แม่ห้ามไว้แล้วกลัวจะตกบ่อตาย! เธอก็ยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก เดินเข้ามาเกือบถึงรั้ว นัยน์ตาดำโตราวจะขยายใหญ่ยิ่งกว่าเดิม

"ไม่ต้องกลัวไปหลอกน่า ฉันมาเล่นกับเพื่อนทุกวันยังไม่เป็นไรเลย ไม่เชื่อก็ดูนี่ซี่...."

ขณะนั้นเอง เสียงแตรรถก็ดังขึ้นที่หน้าประตู หนูหันขวับไปมองก็เห็นรถคุณผู้ชายกับลูกเมียกลับมาถึงพอดี รีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วให้รถเข้า แล้วคอยปิดลงกลอนจนเรียบร้อย ก่อนจะหันไปที่ข้างรั้วอีกครั้ง

แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยค่ะ เด็กผมม้าวิ่งไปที่บ่อแล้วกระโดดหายลงไปหน้าตาเฉย พริบตาเดียวก็ลอยขึ้นมายืนบนปากบ่อ ยิ้มกว้างพลางหัวเราะคิกคัก ขณะที่ความมืดเริ่มหว่านโปรยลงมาทุกที

หนูวิ่งตื๋อเข้าบ้านเล่าให้แม่ฟัง แม่รีบจูงมือหนูออกมาที่ข้างรั้ว...พวกเด็กๆทยอยกันกลับไปแล้ว แม่บอกว่าไม่เห็นมีใครซักคนเดียว

สายลมพัดวูบ หนูแว่วเสียงหัวเราะมาจากบ่อน้ำที่เริ่มมืดสลัว ก่อนจะเห็นเด็กหญิงคนนั้นยืนโบกมืออยู่ที่ขอบบ่อ หนูรีบชี้มือให้แม่ดู ร้องว่า นั่นไงแม่ เขาโบกมือให้หนูด้วย !

เสียงแม่อุทานอะไรเบาๆจับมือหนูด้วยมือเย็นเฉียบ ...ไม่รู้ว่าแม่เห็นอย่างที่หนูเห็นหรือเปล่า?

"เขาโดดลงบ่อไปแล้ว แม่จ๋า ....นั่น ! เขาโดดขึ้นมายืนที่ขอบบ่ออีกแล้ว"

แม่ไม่พูดอะไรสักคำเดียว รีบจูงมือหนูเข้าบ้าน รุ่งขึ้นก็ขอลางานไปส่งหนูกลับเลยค่ะ เลยอดดูเด็กกระโดดบ่อขึ้นๆ ลง ตั้งแต่นั้นมา

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก - ข่าวสด หน้า 38 - ฉบับวันที่ 22 กค 2547
ใบหนาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น