"คนเก่า" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากคลองบางแวก
ผมเป็นเด็กบางบอนโดยกำเนิด เรื่องผีๆ สางๆ นี่หายห่วงเลยครับ เพราะว่าสมัยก่อนน่ะคนยังน้อย ภูตผีก็ยังเยอะเป็นธรรมดา ไม่ว่าบนบกหรือในน้ำล้วนแต่คลั่กๆ ด้วยภูตผีปีศาจทั้งนั้นแหละคุณเอ๋ย
บนบกน่ะมีทั้งผีเจ้าที่ สิงสู่มาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ผีตายโหงที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด วิญญาณวนเวียนคอยหลอกหลอนผู้คนเป็นประจำ เดี๋ยวดักอยู่กลางทาง เดี๋ยวห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ๆ ขนาดกลายเป็นหมาตัวโตเกือบเท่าควายที่เคยเจอะเจอกันมาหลายคน
อย่างที่เล่าไว้คราวก่อนนั่นปะไร!
ในน้ำก็ทั้งเงือกหงอน พรายน้ำ ไหนจะคนตกน้ำตายอีกล่ะ ตอนกลางคืนได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากคลองบางแวกบ่อยหน เด็กๆ ร้องไห้งอแง พอบอกว่าเดี๋ยวผีมาจับตัวเท่านั้นแหละ เงียบกริบเหมือนปิดสวิตช์ไปตามๆ กัน
จะว่าหลอกให้เด็กกลัวผีก็ยอมละครับ แต่ผมว่าเด็กๆ น่าจะกลัวอะไรไว้มั่งก็ดี ไม่งั้นโตขึ้นเลี้ยงยาก ไม่กลัวอะไรง่ายๆ อย่างผมไง...ยกเว้นกลัวผี!
ตอนที่ผมเป็นวัยรุ่นน่ะ เปิดอกพูดเลยว่า...กลัวซะจนไม่อยากจะกลัวอีกต่อไปแล้ว
วันนี้จะขอเล่าเรื่องขนหัวลุกจากผีน้ำมาสู่กันฟัง
สมัยนั้นชาวบ้านอาศัยทางน้ำไปมาหาสู่กัน รวมทั้งไปค้าขายย่านไกลๆ อย่างบางแค เป็นต้น บ้านผมอยู่ริมคลองบางแวก มีพี่ชายคนเดียวชื่อพี่ปาน ขยันขันแข็งไม่มีตัวจับ วันๆ ถ้าไม่เข้าสวนก็จับปลา ถึงหน้าฝนน้ำใหม่มาก็ชวนกันลงไปจับปลาสนุกสนาน ปะเหมาะก็ได้ทั้งกินทั้งขายเชียวครับ
บางวันก็รวบรวมผักปลาลงเรือไปขายที่ตลาดบางแค โดนผีหลอกแทบกระเจิงไปตามๆ สาเหตุเพราะต้องออกจากบ้านตอนกลางคืนน่ะซีครับ ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงไปสว่างเอาที่ปลายทางโน่นเลย
คืนนั้นก็เช่นกัน!
เรานอนเอาแรงตอนหัวค่ำ พอตกดึกก็ลุกมาจัดข้าวของจบเรียบร้อย ผมพายหัว พี่ปานพายท้าย ออกเรือไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความเงียบเชียบ สองฝั่งมีแต่ต้นไม้เรียงรายดูตะคุ่มๆ เหมือนคอยเฝ้ายาม สายลมพัดโชยมาเย็นยะเยือก คลื่นเล็กๆ เล่นไล่กันเป็นระลอกอยู่ในแสงดาว
เสียงพายกระทบน้ำดังจ๋อมๆ คล้ายจะเป็นเพื่อน ใจผมน่ะอยากจะถึงตลาดเร็วๆ ขายของเสร็จแล้วจะได้เดินซื้อของจำเป็นกลับบ้าน กับถือโอกาสดูสาวๆ สวยๆ เป็นอาหารตาอีกต่างหาก
พี่ปานจ้วงพายเงียบๆ ผมเองก็ไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร ใจคอมันคอยระแวงเรื่องผีๆ สางๆ อยู่น่ะซี คุณเอ๋ย...
ผีน้ำน่ะน่ากลัวกว่าผีบกเป็นไหนๆ เพราะเรามองไม่เห็น ดูมันซ่อนเร้นลึกลับไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรแน่ แต่ว่าจ้องมองเราเขม็ง รอโอกาสเหมาะๆ ที่จะเล่นงานเราโดยไม่รู้ตัว
มีทั้งล่มเรือ ทั้งโผล่พรวดขึ้นดื้อๆ จนคนขวัญอ่อนหวีดร้อง ตกน้ำตกท่าแทบจะหัวใจวายไปตามๆ กัน สาวๆ แถวบ้านผมลงไปเล่นน้ำตอนเย็นๆ โดนฉุดขาเข้าให้...เสียงร้องของเธอดังไปสามบ้านแปดบ้าน ปานจะทำให้ผีในหลุมสะดุ้งได้ก็แล้วกัน
ทันใดนั้นเอง เสียงเด็กร้องไห้ก็ดังแว่วมากระทบหู!
ผมชะงักพายไม่รู้ตัว หันไปมองข้างหลังก็เห็นพี่ปานพยักหน้าให้ เลยต้องพายเรือต่อพร้อมกับเงี่ยหูฟัง...เสียงเด็กแดงๆ แน่นอน แต่ไม่รู้ว่ามันดังมาจากไหน?
ใจเต้นตุ๊มๆ ต้อมๆ ปากคอแห้งผากไปถนัด...ดึกดื่นป่านนี้จะมีเด็กที่ไหนมาร้องไห้ในที่เปลี่ยวๆ ล่ะ? สองฝั่งมีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆ กับซุ้มไม้ชายน้ำ ไม่มีบ้านช่องผู้คนอยู่ใกล้ๆ แน่นอน...เท่านั้นยังไม่พอ เสียงเพลง กล่อมเด็กเยือกเย็นก็พลันดังผสมผสานขึ้นมา!
ลมพัดซ่ามาจากต้นไม้ด้านขวามือ...ผมหันขวับไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ มองเห็นภาพสยองเข้าเต็มตาบัดดล!
นรกเป็นพยาน! บนกิ่งไม้ใต้แสงดาว ผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งกำลังนั่งห้อยขา ก้มหน้ากล่อมเห่ลูกน้อยที่กำลังร้องแว้ๆ เล่นเอาผมชะงักพาย มือไม้แข็งทื่อเหมือนจะกลายเป็นหิน หน้าชาเห่อจนแทบไม่รู้สึกรู้สา ปากอ้าค้าง ลืมตาโพลงจ้องมองภาพสยดสยองบนต้นไม้ ...รู้สึกเหมือนตายไปหลายต่อหลายชาติเต็มที
โธ่! คนธรรมดาที่ไหนจะขึ้นไปกล่อมลูกบนต้นไม้ยามดึกดื่นค่อนคืนล่ะครับ?
ผีน่ะซี...ผีแน่ๆ เลย!!
หัวขวับไปมองพี่ปานเหมือนจะร้องไห้ แต่แกก็ยังก้มหน้าก้มตาพายเรือไม่หยุดยั้ง ท่าทางคล้ายจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ผมเองอยากจะร้องบอกพี่ชายก็รู้สึกปากคอแห้งผากจนพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว เสียงเพลงกล่อมลูกดังโหยหวนเยือกเย็น สะท้านสะเทือนใจสิ้นดี...
ผมกัดฟันพายเรือต่อ น้ำตาไหลพรากลงมาอาบหน้า ไม่กล้าหันไปมองภาพอุบาทว์นั่นอีกต่อไป...ทำไมเรือมันถึงได้แล่นช้าเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เราช่วยกันจ้วงพายจนเต็มกำลังแล้วนี่นา?
กว่าจะผ่านเหตุการณ์สยองขวัญมาได้ก็แสนจะเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจตาย!
...มารู้ทีหลังว่าที่นั่นมีผู้หญิงคลอดลูกตายน่ะซีครับ ตายทั้งแม่ทั้งลูกอย่างที่เขาเรียกว่า "ตายทั้งกลม" นั่นปะไร? พี่ชายผมไม่กลัวผีก็ให้เขาพายเรือไปขายของคนเดียวละกัน...บรื๋อส์!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 19 มีนาคม 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น