"อรัญ" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากเหยื่อมฤตยู
คนเราทุกวันนี้คงจะเดือดร้อนทุกข์ยากกันไปหมดนะครับ ทั้งปัญหาการบ้านการเมือง ไหนจะปัญหาการงานและครอบครัว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่หลวง แก้ไขยากที่สุด ใครเป็นอิสระจากการเงินก็นับว่าโชคดีไป
พวกคนแก่เฒ่าทั้งหลายก็มักมีปัญหาสุขภาพ โรคภัยหลากหลายเร้ารุม ฉวยโอกาสยามร่างกายอ่อนแอเข้ามาโจมตีไม่หยุดหย่อนปานคลื่นกระหน่ำชายฝั่ง
พวกหนุ่มสาวอารมณ์ร้อน วู่วามราวสาดเบนซินเข้ากองไฟ มักจะมีปัญหาเรื่องการเรียนกับความรัก คือเรียนไม่เก่ง แถมโดนดุด่า เพื่อนฝูงเยาะเย้ย หรือพวกอกหัก หึงหวง คิดว่าแฟนนอกใจ เห็นคนอื่นดีกว่า อุตส่าห์ของ้อแล้วยังเล่นตัวไม่ยอมคืนดีด้วย
เลยฆ่าตัวตายกันดื้อๆ ง่ายๆ ซะงั้น!
คนไทยฆ่าตัวตาย 2 ชั่วโมงต่อ 1 คน ประมาณว่า ปีละไม่ต่ำกว่า 5,000 คน
ถ้าคิดทั้งโลกแล้วแทบไม่น่าเชื่อ เพราะมีข่าวยืนยันว่าทุก 40 วินาที จะมีคนฆ่าตัวตาย 1 คน มีสถิติว่าคนที่ คิดสั้นมีอายุ 60 ปี, 30 ปี และ 20 ปี ตามลำดับ
วัยรุ่นอายุราว 20 ปีฆ่าตัวตายมากที่สุด
ที่น่าสยดสยองกว่านั้นก็คือ คนคิดฆ่าตัวตายจะทำสำเร็จได้ 10 เปอร์เซ็นต์! เท่ากับคนคิดฆ่าตัวตาย 10 คนจะตายสมใจนึก 1 คน ส่วนคนไทยคิดฆ่าตัวตายปีละ 50,000 คน (ห้าหมื่นคน) ถ้านับชาวโลกที่คิดทำลายชีวิตตัวเองก็ปาเข้าไปปีละหลายสิบล้านคนเชียว
พวกที่ฆ่าตัวตายสำเร็จก็แล้วไป แต่ที่เหลือนอกนั้นมีคนทั้งคนช่วยไว้ทันบ้าง เช่นแย่งมีดแย่งปืนได้ก่อนก็มี ดึงตัวออกมาจากหน้าต่างกับระเบียงตึกสูงๆ ก็มี หรือกินยาตาย ก็ช่วยนำส่งแพทย์ให้ล้างท้องได้ทันท่วงที
ที่คนอื่นๆ ไม่เคยระแคะระคายมาก่อนก็มี คือกินยานอนหลับแต่กลับตื่นขึ้นมาจนได้ ต่อมาเลิกคิดทำลายชีวิตตัวเองแล้ว หมดปัญหาหรือหายกลุ้มอกกลุ้มใจ ก็เก็บมาเล่าให้ใครๆ ฟังเป็นเรื่องสนุกไปเลย
คนที่ฆ่าตัวตายหนแรกไม่สำเร็จ แต่พากเพียรปลิดชีวิตตัวเองไปเมืองผีจนสมปรารถนา มีจำนวนหนึ่งเท่าตัว
หลายๆ คนก็เกิดอุบัติเหตุเหลือเชื่อตอนกำลังจะ ฆ่าตัวตาย!
ตั้งแต่หอบเชือกดอดปีนป่ายต้นไม้ยามดึก หวังจะจบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอตายง่ายๆ ตั้งใจเด็ดเดี่ยว แน่วแน่ไม่มีการลังเล ผูกคอเสร็จก็ทิ้งตัวโครมลงมา หลับตาปี๋คิดว่าจะได้ไปเกิดใหม่แน่ๆ แต่กิ่งไม้เจ้ากรรมดันหักโครม คนเคราะห์ดีหรือเคราะห์ร้ายก็ยังไม่แน่นัก หล่นตุ๊บลงมาก้นกบแทบหัก...แกร้องโหยหวนจนชาวบ้านสะดุ้งตื่น ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน...คิดว่าเกิดไฟไหม้น่ะซี!
บางรายใช้มีดแทงเข้าที่หัวใจ จะเป็นมือสั่น หรืออยากตายแต่ยังเสียดายชีวิตก็ไม่ทราบ เพราะแทงพรวดเข้าไปเกือบมิดด้ามแต่ไม่ยักโดนหัวใจ เจ็บปวดจนร้องจ้าๆ เดือดร้อนให้ญาติมิตรต้องช่วยหามส่งโรงพยาบาลตามระเบียบ
แกบอกว่าเข็ดจนตาย! เจ็บปวดจริงๆ ต่อไปจะไม่เล่นอุตริวิตถารอีกแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเจ็บสาหัสขนาดนี้ แถมอับอายขายหน้าเขาอีกต่างหาก!
ผมมีประสบการณ์ขนหัวลุกจากเรื่องฆ่าตัวตายมาเล่าสู่กันฟังครับ
คุณตาเปี่ยมอยู่ข้างบ้านผมเองแถวคลองประปา ก็เป็นหนึ่งในคนคิดสั้นฆ่าตัวตาย คนในซอยซิเมนต์ไทยล้วนแต่รู้จักรักใคร่ชายชราผู้นี้กันแทบทั้งนั้น เพราะคุณตาเป็นคนใจดี ช่างพูดช่างคุย มีประสบการณ์ล้นเหลือเฟือฟาย หลากหลายรูปแบบมาเล่าให้พวกเราฟัง แถมสั่งสอนทั้งทางตรงและทางอ้อมเบ็ดเสร็จ
ระยะหลังๆ คุณตาเจ็บป่วยสารพัดโรคตามประสาคนชราอายุเฉียดแปดสิบปี
ทั้งโรคหัวใจ ไทรอยด์เป็นพิษ เบาหวาน ความดันเลือดสูง ตับอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร โรคกรดไหลย้อน แถมริดสีดวงทวารกำเริบอีกต่างหาก
คุณตาเวียนเข้าเวียนออกโรงพยาบาลเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง หน้าตาเหี่ยวย่นคล้ายมีแต่หนังหุ้มกระดูก ว่ากันว่า...แกไม่มีวันจะดูเป็นคนแก่เฒ่ามากกว่านี้ไปได้ อีกแล้ว!
ใครรู้ข่าวก็ล้วนแต่เห็นใจ สลดใจกันทั้งนั้น แม้แต่คุณตาเปี่ยมตัดสินใจผูกคอตายที่ต้นมะม่วงริมรั้วก็ไม่มีใครพูดจาซ้ำเติม บางคนถึงกับบอกว่า...ต่อให้โดนโรคร้ายเร้ารุมแค่ครึ่งเดียวของแกก็คงฆ่าตัวตายไปแล้ว
แต่ตอนที่เดินผ่านหน้าบ้านคุณตา ไม่ว่าใครๆ ก็ขนหัวลุกทั้งนั้นแหละครับ
ไม่ใช่โดนผีหลอก แต่ภาพของคนชราที่โดนโรคร้ายซ้ำเติม หรือธรรมชาติที่รังแกมนุษย์เราอย่างโหดร้าย ย่ำยีจนไม่เหลือศักดิ์ศรีของความเป็นคนอยู่เลยต่างหาก ที่ทำให้เราสยองว่า...วันหนึ่ง พวกเราทุกคนก็ต้องตกเป็นเหยื่อของมันเหมือนคุณตาเปี่ยมแน่นอน!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 26 - ฉบับวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น