ดิฉันเป็นคนบางอ้อ อยู่ไม่ห่างจากเชิงสะพานพระรามหก บ้านเรือนคับคั่ง ผู้คนคึกคักตามความเจริญของบ้านเมืองมาตั้งแต่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนแล้วค่ะ
ในซอยสองฝั่งถนนจรัญสนิทวงศ์ มีทั้งบ้านช่องและตึกแถวสะพรั่งตา ที่ดินว่างๆ หลายแปลงก็ทยอยหายไป เรือกสวนค่อยๆ ถอยร่นเข้าไปทุกที แต่ในซอยลึกกับด้านหลังหมู่บ้านก็ยังมีสวนผลไม้ร่มครึ้ม น่าวังเวงใจไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน
มีเสียงลือกันว่าผีดุ แต่ไม่เคยมีใครโดนหลอกหลอนจริงๆ จังๆ แม้แต่คนเดียว
บ้านดิฉันอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของป้าชุลีที่กั้นห้องแบ่งเช่าได้สิบกว่าห้อง ฝั่งตรงข้ามมีซอยแยกเล็กๆ ติดกับตึกแถวไปสู่บ้านเล็กเรือนน้อยสิบกว่าหลัง...ถัดไปก็เป็นสวนเปล่าเปลี่ยวแล้วค่ะ ตอนเย็นๆ จะมีเด็กเล็กหลายคนมาวิ่งเล่นกันเกรียวกราว เด็กผู้หญิงเล่นกระโดดเชือกอยู่ใต้ร่มหูกวาง ส่งเสียงหัวเราะร่าเริงมาเข้าหูเป็นประจำ
เรื่องขนหัวลุกเกิดขึ้นที่นั่นแหละค่ะ!
เด็กผู้หญิงวัยสิบขวบที่มาเล่นบ่อยๆ คือ สายป่าน, ลูกปลา และยัยนุ้ย จนกระทั่งใกล้มืดค่ำถึงจะแยกย้ายกันกลับบ้าน บางวันก็กระโดดเชือกกันเพลินจนพ่อแม่ต้องออกมาตาม
ยัยนุ้ยเป็นเด็กผิวคล้ำ ตาโต ไว้ผมม้าน่ารัก ชอบนุ่งกางเกงขาสั้นสวมเสื้อยืดสวยๆ ดูจะโดดเด่นกว่าเพื่อน เพราะแกช่างพูดช่างคุย หน้าตาท่าทางเฉลียวฉลาด ร้องทักคนที่ผ่านไปมาบ่อยๆ บางทีก็วิ่งตื๋อกลับบ้านที่อยู่ถัดไปจากต้นหูกวาง แล้วก็กลับมาเล่นกับเพื่อนๆ ต่อไป
ร้านชำที่อยู่ริมซอยเล็กขายก๋วยเตี๋ยวหมูตอนกลางวัน พอตกเย็นก็มีคอเหล้าทั้งหนุ่มและแก่มาอุดหนุนกันแน่นหนา พวกที่นั่งโต๊ะด้านข้างร้านก็มักจะชอบมองเด็กๆ เล่นกระโดดเชือกกันอย่างเพลิดเพลิน
ผู้ชายที่มาเช่าห้องพักป้าชุลีตั้งวงกันที่โต๊ะริมระเบียงก็ชอบมองสาวๆ สวยๆ ที่เดินผ่านไปมา หรือไม่ก็มองข้ามฟากไปที่เด็กๆ กำลังวิ่งเล่นและกระโดดเชือกกันเกรียวกราว
วันหนึ่งก็เกิดเหตุร้ายขึ้น!
เย็นนั้นตรงกับวันเสาร์ ดิฉันนั่งรับลมอยู่ที่ระเบียงบ้านชั้นบน มองดูผู้คนและรถราที่ผ่านไปมา โดยเฉพาะกลุ่มเด็กๆ ทั้งชายและหญิงที่กำลังเล่นกันอย่งสนุก สนาน...เสียงหัวเราะเริงร่าของเด็กๆ ทำให้เรามีความสุข และอดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปสู่สมัยเด็กๆ ของตัวเอง
ตกค่ำราวทุ่มเศษ ขณะที่ดิฉันลงไปอาบน้ำแล้วออกมากินข้าวกับพ่อแม่ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากหน้าบ้าน ตามด้วยเสียงร้องไห้ดังๆ จนน่าตกใจ...เมื่อออกไปดูพร้อมกับเพื่อนบ้านอีกหลายคนก็ถึงกับใจหายไปตามๆ กัน
ยัยนุ้ยหายไปค่ะ! แม่ของเธอร้องไห้เหมือนจะขาดใจตาย...
ไม่มีใครรู้เห็นเลย เพื่อนๆ คือสายป่านกับลูกปลาก็บอกว่ามัวแต่เล่นเพลินจนไม่ได้สังเกต พอไม่เห็นยัยนุ้ยก็คิดว่าคงจะวิ่งกลับบ้าน ไม่นานก็คงจะกลับมาเหมือนที่เคยวิ่งไปมาอยู่เป็นประจำ ส่วนพวกคอเหล้าที่นั่งอยู่ในร้านก็บอกว่าไม่รู้ไม่เห็นเช่นกัน...บ้างก็ว่าคงจะวิ่งออกมาในซอยใหญ่ บ้างก็ว่าเห็นรถตู้สีขาวแล่นผ่านไปมา 2-3 ครั้ง อาจจะลักเด็กไปก็เป็นได้
พ่อแม่ยัยนุ้ยกับเพื่อนบ้านเที่ยวตามหาไม่ลดละ จนกระทั่งสามทุ่มกว่าจึงได้พบยัยนุ้ยในสวนเปลี่ยวก้นซอยแยกนั่นเอง!
เด็กหญิงเคราะห์ร้ายถูกคนใจทรามข่มขืนฆ่า นัยน์ตาเหลือกลานลืมค้างเบิกโพลงเพราะโดนบีบคอจนสิ้นใจ...ฆาตกรไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้ให้ตำรวจรู้เบาะแสของมันแม้แต่น้อยนิด
จนกระทั่งงานศพผ่านไป แม่ยัยนุ้ยร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ตีอกชกตัวคร่ำครวญว่าอยากจะตายตามลูก...กับแผดร้องให้วิญญาณยัยนุ้ยจงไปเอาชีวิตคนใจโฉดให้จงได้
ยามค่ำคืนมีแต่ความเปล่าเปลี่ยวน่าวังเวงใจ เสียงหมาหอนโหยหวนมาจากในสวนที่กลายเป็นสุสานเด็กหญิง พวกคอเหล้ารีบกลับบ้าน ร้านค้าแถวนั้นก็รีบปิด...ตอนดึกๆ แว่วเสียงเด็กร้องไห้สะอึกสะอื้นจากในสวนบ้าง จากใต้ต้นหูกวางบ้าง บางทีก็มีคนเห็นยัยนุ้ยเดินเช็ดน้ำตาออกมาจากในสวนจนต้องวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
ครบ 7 วันที่ยัยนุ้ยตายก็เกิดเรื่องสยดสยองขึ้นอีกครั้ง!
นายเขื่องที่เช่าห้องป้าชุลีอยู่ชั้นบน จู่ๆ ก็แผดร้องขึ้นกลางดึกจนผู้คนตกอกตกใจไปตามๆ กัน ตามด้วยเสียงโครมคราม...เมื่อออกไปดูก็ต้องขนหัวลุกเมื่อพบร่างชายผู้นั้นนอนคอหักตายอยู่บนพื้นซีเมนต์...เชื่อว่านายเขื่องกระโจนลงมาจากหน้าต่างห้องนอนจนเสียชีวิตคาที่...
ไม่มีใครรู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไรแน่? แต่มีเสียงพูดกันหนาหูว่า...วิญญาณยัยนุ้ยตามไปทวงชีวิตคนที่ข่มขืนฆ่าแกจนสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา เสียงสะอื้นในยามค่ำคืนก็หายไป เชื่อกันว่าวิญญาณของยัยนุ้ยสงบสุขแล้ว! แต่จริงละหรือ...ในเมื่อบางคืนยังมีคนเห็นเด็กหญิงไว้ผมม้า นุ่งกางขาสั้น กระโดดเชือกเล่นเพียงเดียวดายอยู่ใต้ร่มหูกวาง หัวเราะเริงร่า...เยือกเย็นไปถึงหัวใจของทุกคนที่ได้ยิน!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 26 - ฉบับวันที่ 17 ตุลาคม 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น