"เฮียเซ้ง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากร้านเสียโป
สมัยหนุ่มๆ ผมอยู่แถวถนนเสือป่า ฝั่งตรงข้ามคือถนนราชวงศ์ แถวนั้นมีของอร่อยๆ เยอะแยะ ไม่ว่าก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหรือคั่วไก่ ก๋วยเตี๋ยวแปะเตียง หรือข้าวเสียโป
ร้านแปะเตียงอยู่ในซอยบำรุงรัตน์มาตั้งแต่เตี่ยยังหนุ่ม ปาเข้าไปราว 70 ปี โด่งดังมากเรื่องลูกชิ้นปลาหลายแบบ ล้วนแต่ทำเองทั้งนั้น ลูกชิ้นเหนียวนุ่มน่ากินนักหนา เขาว่าทำจากปลาดาบกับปลาอินทรี ลูกชิ้นกุ้งก็ลือชื่อเช่นกัน รับรองว่าได้กินเนื้อกุ้งล้วนๆ ไม่มีแหกตาผสมแป้งให้เสียยี่ห้อ
ร้านข้าวเสียโปที่ปากซอยเจริญกรุง 19 ฝั่งเดียวกับบ้านผมก็อร่อยเฉียบขาดนัก สมัยก่อนได้ยินเขาเถียงกันว่า ที่ถูกแล้วเรียกว่า "ข้าวเฉียโป" หรือ "ข้าวเสียโป" กันแน่?
คนที่เรียกว่าข้าวเฉียโปก็เพราะเป็นชื่ออาหารจีนอย่างหนึ่ง แต่คนที่ยืนยันว่าเป็นข้าวเสียโป ก็เพราะแถวสามยอดสมัยก่อนมีโรงหวย นักพนันที่เสียโปแทบหมดกระเป๋าก็เลยมาหาอาหารถูกๆ ที่หาบขายมากินกันตาย เลยเรียกว่าข้าวเสียโป!
คิดแล้วก็เป็นงงเอาการนะครับ!
ไม่ใช่ข้าวหน้าเป็ด ข้าวหมูแดงหมูกรอบ เพราะเป็นทั้งข้าวหน้าเป็ดผสมกับหมูแดงหมูกรอบ ไหนจะใส่กุนเชียง กระเพาะหมู หูหมู ลิ้นหมู ตับแก้ว (ตับที่ยัดด้วยมันหมู) ราดด้วยน้ำเป็ดย่าง รสชาติหวานมันและเค็มพร้อมสรรพ
ผักที่แนมมาก็ไม่ใช่แตงกวาหรือไชเท้ากรอบๆ แต่เป็นผักลวก มีทั้งถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง น้ำจิ้มน้ำซีอิ๊วผสมน้ำส้มสายชูรสเด็ดจริงๆ ครับ จานเดียวอิ่มตื้อไปทั้งวัน
ตกลงว่าชื่อข้าวเฉียโปหรือเสียโปกันแน่?
เจ้าของร้านเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนจะมีส่ำเซียนพกอุปกรณ์เล่นพนันเป็นไม้กระบอกใส่ติ้วเป็นสีๆ มีแต้มคล้ายเซียมซี ใครดึงได้แต้มมากถือว่า "เสียโป" ต้องเสียเงินให้นักเล่นคนอื่นๆ แต่ถ้ามีข้าวหาบสารพัดหน้ามาขายก็ต้องควักกระเป๋าเลี้ยง...นี่เองคือที่มาของคำว่าเสียโป!
เพราะความที่เป็นคนชอบหาของอร่อยๆ กินนี่แหละครับ ทำให้ผมเจอะเจอประสบการณ์ขนหัวลุกโดยไม่นึกฝัน
วันนั้นผมช่วยเตี่ยขายของตั้งแต่เช้า เป็นกับข้าวที่กินกับข้าวต้มเหมือนตอนเช้า ผมเลยหลบไปร้านแปะเตียง เล็กแห้งลูกชิ้นปลา-เล็กต้มยำใส่ทั้งลูกชิ้นปลากับลูกชิ้นกุ้ง
กลับไปทำงานต่อจนตกค่ำ รีบล้างหน้าบึ่งไปเจริญกรุงซอย 19 เพราะหิวเต็มทน
ตอนนั้นราวทุ่มเศษ ผมยืนรอสักครู่ก็ได้โต๊ะว่าง สั่งข้าวเสียโปแบบแยกเครื่องมาหม่ำทันที...มองไปที่หน้าร้านก็เห็นคนมายืนออกันราว 5-6 คน จะทันหรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะร้านเขาปิดแค่สองทุ่มเท่านั้นเอง
รู้สึกจะคุ้นหน้าอยู่คนสองคน พอหันไปอีกทีก็ใช่เลย เฮียอ๋า-คนดังย่านพลับพลาชัย แกเป็นเพื่อนรุ่นน้องของเตี่ยผมเอง...เฮียอ๋าพยักหน้าให้ผมยิ้มๆ แบบทักทาย ผมจะเรียกมาร่วมโต๊ะก็ไม่ได้ครับ ไหนจะโต๊ะเล็ก แถมนั่งกันเต็มอีกต่างหาก
ข้างนอกลมพัดแรง ฝนทำท่าจะเทลงมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้!
รีบก้มหน้าก้มตากินอาหารเร็วขึ้น ไม่อยากให้คนหิวต้องรอไส้แขวนนานนักหรอกครับอกเขาอกเรา! แต่พอจ่ายเงินเสร็จเดินออกมาก็ไม่เห็นเฮียอ๋าซะแล้
ว
จะว่าแกขี้เกียจรอเลยไปหากินร้านอื่นก็ไม่ใช่ เพราะเฮียอ๋าเป็นแฟนประจำข้าวเสียโปเหมือนผม แต่จะว่าแกได้โต๊ะว่างเข้าไปตอนผมก้มหน้าควักเงิน...หันไปดูในร้านเล็กๆ นั่นก็ไม่เห็นเฮียอ๋าแม้แต่เงา
ผมจำได้แม่นว่าแกนุ่งกางเกงยีนส์ สวมแจ๊กเกตดำ เสื้อตัวในสีส้ม ผมยาวปรกห้าผากคาบบุหรี่ติดปากเหมือนที่เคยเห็นทุกครั้ง!
ลมพัดอู้จนเศษกระดาษปลิวว่อน ผมรีบเผ่นกลับบ้าน คิดว่าช่วยเตี่ยปิดร้านแล้วจะได้อาบน้ำ ดูทีวีให้สบายใจ...แต่พอไปถึงก็เห็นเตี่ยท่าทางซึมๆ บอกว่าเพิ่งได้ข่าว เฮียอ๋าโดนคู่อริดักรุมแทงที่สวนมะลิเมื่อตอนเย็น อาการเป็นตายเท่ากัน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลกลาง!
ผมอ้าปากค้าง ขนหัวลุกเกรียว ร้องแต่ว่าไม่จริงๆ ขณะที่เตี่ยพูดต่อโดยไม่สนใจ
"พรุ่งนี้อั๊วจะไปเยี่ยมมันหน่อย ชั่วๆ ดีๆ มันก็เรียกอั๊วว่าเฮียตั้งแต่เด็กจนโต"
ผมทนไม่ไหวก็ร้องว่า เพิ่งเห็นเฮียอ๋าที่หน้าร้าน เสียโปมาหยกๆ นี่เอง...เตี่ยส่ายหน้าโดยไม่พูดไม่จา รุ่งขึ้นไปเยี่ยมเฮียอ๋าแล้วกลับมาบอกว่า โดนแทงสาหัสจนหมอช่วยไม่ไหว เพิ่งสิ้นใจเมื่อตอนกลางดึกนี่เอง
แล้วที่ผมเห็นเมื่อตอนค่ำวานคืออะไรกันแน่ล่ะ?
ถึงตอนนั้นเฮียอ๋ายังไม่สิ้นลม ยังไงก็ออกจากโรงพยาบาลมารอกินข้าวเสียโปไม่ได้แน่นอน...คิดไม่ออกจริงๆ ได้แต่ขนหัวลุกครับ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 26 - ฉบับวันที่ 29 ตุลาคม 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น