"บันเทิง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากแยก อ.ต.ก.
เมื่อราว 10 ปีก่อน เคยมีอุบัติเหตุรถผสมปูนวิ่งขึ้นมาบนสะพานลอยข้ามแยกกำแพงเพชร เลี้ยวขวาไปลงแถวหน้าตลาดอ.ต.ก. แต่รถเกิดหลุดโค้งพุ่งทะลุราวกั้นหล่นโครมลงไปบนถนนข้างล่าง เกิดเรื่องสยดสยองสุดขีดทันใด
นั่นคือ เด็กท้ายรถโดนแรงอัดขาขาด ตกอยู่บนพื้นสะพาน ส่วนร่างแหลกเหลวยับเยินพุ่งผ่านหน้าต่างของตึกข้างถนน เข้าไปนอนตายคาที่อยู่ชั้นสองนั่นเอง!
ใครได้ฟังข่าวทางวิทยุล้วนแต่เศร้าสลดระคนเสียวสันหลังไปตามๆ กัน
ผมกับเพื่อนเคยเจอะเจอเหตุการณ์ขนหัวลุก ไม่ใช่วิญญาณที่เกิดจากอุบัติเหตุร้ายแรงครั้งนั้นหรอกครับ มันเกิดขึ้นก่อนนานแล้ว ที่ผมเสียวสันหลังก็เพราะเชื่อว่ามีอะไรบางอย่างที่สิงสู่อยู่บนสะพานนั้น เป็นวิญญาณผีตายโหงที่ยังไม่มีโอกาสได้ไปผุดไปเกิดเสียที...และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องสยองขวัญก็เป็นได้!
คืนนั้นผมไปงานแต่งงานเพื่อนรุ่นน้องย่านดอนเมือง แล้วไปต่อกับเพื่อนๆ จนถึงตีสองจึงได้แยกย้ายกันกลับ ถนนโล่งว่าง ผมขับรถมาเรื่อยๆ อย่างระมัดระวัง มีบ้านที่อยู่แถวประดิพัทธ์เป็นจุดหมาย
ครั้นมาถึงทางที่โค้งจะลงถัดอ.ต.ก.ไปหน่อย แสงไฟตัดกับหมอกสีเหลืองส้ม ผมเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ราว 5-6 ขวบกำลังยืนอยู่คนเดียวข้างรั้วด้านขวา ร่างแกผ่ายผอม ดูกระจ้อยร่อยน่ากลัวพิลึก...
เด็กอะไรมายืนอยู่บนสะพานลอยตอนตีสอง แต่งชุดกระโปรงสีชมพูเหมือนจะไปงานโรงเรียน...ทำให้ผมมัวตกตะลึง งงงันจนรถเกือบหลุดโค้ง!
เมื่อมองกระจกหลังอีกที ถนนกลับว่างเปล่า ไม่มีแม่หนูน้อยเสียแล้ว! เธอหายไปได้ยังไงกัน? พอรุ่งขึ้นเอาไปคุยกับเพื่อนที่ทำงาน อ้าว? กลับได้มาอีกเรื่องเลยครับ
เพื่อนเล่าว่าเคยขับรถขึ้นสะพานนั้นตอนดึก พอเริ่มตีโค้งรถก็เสียหลักหมุนคว้าง บังคับไม่อยู่จนคิดว่าตายแน่ๆ ความตระหนกทำให้หลุดปากโพล่ง...พ่อแม่ช่วยด้วย! ปรากฏว่ารถหยุดนิ่งทันใด แต่สร้อยคอเส้นใหญ่ที่แขวนพระนั้นขาดได้ยังไงก็ไม่ทราบ?
ช่วงที่รถจะหยุดนิ่ง เขามองเห็นใครกลุ่มหนึ่งเกือบ 20 ร่างเป็นเงาดำๆ...ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ พวกนั้นยืนมองมาทางเขาเป็นจุดเดียวคล้ายพวกไทยมุงไม่มีผิด!
เมื่อเห็นว่าเขาไม่เป็นไร ทั้งหมดก็หันหลังกลับ ค่อยๆ จางหายไปจนลับตา...
พวกเราสรุปกันว่า บนสะพานนั้นต้องมีวิญญาณสิงสู่มากมาย...พวกเขาคงตายบนสะพานนี้กระมัง วิญญาณถึงได้สิงสู่อยู่บนสะพานนี้น่ะ?
คำตอบคือ ไม่มีหรอกครับ! แต่พี่สาวผมซึ่งอายุ หกสิบกว่าแล้ว เคยเป็นผู้สื่อข่าวสมัยท่านนายกฯเกรียงศักดิ์โน่น...สมัยนั้นยังไม่มีเซ็นทรัลลาดพร้าว สวนจตุจักรก็เพิ่งเริ่มสร้าง เริ่มปลูกต้นไม้กันไม่นาน
ช่วงแรกๆ มีคนพบเห็นภาพสยองขวัญหลายครั้งเต็มที!
เธอเล่าว่า เวลาคนงานขุดลงไปจะเจอโครงกระดูก หัวกะโหลกมากมายนับเป็นสิบๆ เชื่อว่าพวกนี้คงถูกลวงมาฆ่า หรือเอาศพมาทิ้งไว้ สาเหตุเพราะสมัยนั้นเลยสะพานควายไปไม่ไกลก็เปลี่ยวแล้ว เหมาะสำหรับพวกคนร้ายจะออกล่าเหยื่อ ทั้งปล้น จี้ และสังหารโหด ข่มขืนฆ่า...น่าสยองมากๆ เลยครับ
ตั้งแต่นั้นมา เวลาขับรถขึ้นไปบนสะพานโค้งนี้ผมจะสวดมนต์ แผ่เมตตาให้ดวงวิญญาณที่ไม่สงบสุขเหล่านั้นเสมอ อย่างที่พ่อเคยสอนว่า เวลาที่ผ่านสี่แยกอันตาย, โค้งผีสิง หรือแม่น้ำใหญ่ก็ควรสวดมนต์เป็นประจำ
อย่างน้อยๆ ก็ "นโมพุทธายะ" หรือ "พุทธังสรณัง คัจฉามิ" ก็ได้
ทั้งนี้เพราะวิญญาณที่เดือดร้อน ทนทุกข์ทรมาน หรือวิญญาณผีตายโหง ต้องพบจุดจบของชีวิตอย่างเจ็บปวดรุนแรง รวมทั้งพวกฆ่าตัวตาย ก็ยังต้องการผู้บอกทางไปสู่โลกหน้าอยู่ตรงนั้นเอง...พวกเขายังไม่ไปสู่สุคติ!
คิดแล้วก็น่าสงสาร น่าสลดใจมากๆ เลย...
เมื่อก่อนนั้นเขาก็เป็นมนุษย์ที่มีลมหายใจอยู่ในบ้านเมืองนี้ สังคมนี้อย่างพวกเรา มีทุกข์มีสุข เคยหัวเราะและร้องไห้อย่างพวกเรามาเหมือนกัน...ผมเต็มใจเสมอที่จะแผ่เมตตาและอุทิศส่วนบุญกุศลให้พวกเขา ขอให้พวกเขาหลุดพ้นจากความทุกข์ไปสู่สุคติโดยทั่วกัน
อย่างน้อยก็เชื่อว่า อาจจะทำให้วิญญาณเหล่านั้นได้ชุ่มชื่นขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยถือว่ายังดีนะครับ!
ที่มา: คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด หน้า 26 ข่าวสดรายวัน วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น