สุวรรณี สุคนธา นักเขียนเจ้าของรางวัล ส.ป.อ.จากเรื่อง "เขาชื่อกานต์" สนิทสนมกับผม จนไปโดนผีหลอกด้วยกันที่ถนนสุโขทัยเมื่อราว 40 ปีก่อน คงจะถูกบรรณาธิการชักชวนให้เขียนปีศาจนิยาย ก็เลยมาปรึกษาหารือทำนองว่าไอ้เรื่องผีๆ สางๆ นี่มันเขียนยากมั้ย? ตัวเอง!
คงเห็นผมกำลังปั่นเรื่องผีขายดิบขายดีในนามปากกา "ใบหนาด" ละมั้ง? ผมก็ตอบไปตามที่สัตย์ที่จริงว่า จะว่ายากก็ยาก ก็จะว่าง่ายก็ง่าย ยิ่งนักเขียนที่กลัวผียิ่งเขียนง่ายขึ้นอีกตั้งพะเรอ
ว่าแต่ "เจ๊แต๋ว" กลัวผีหรือเปล่าล่ะ?
สุวรรณี สุคนธา ค้อนขวับๆ ตอบว่า...จะบ้าเหรอ? ผู้หญิงที่ไหนยะไม่กลัวผีน่ะ? คืนนั้นยังต้องขอร้องให้เธอไปส่งถึงบ้านเลยเพราะเพิ่งโดนผีหลอกด้วยกันมาหยกๆ
ผมเลยทำท่าทำทางให้ดูคล้ายนักเขียนใหญ่ ก่อนจะบอกเสียงเคร่งขรึมให้ดูน่าเชื่อถือหน่อย ตามที่เคยเห็นหลายๆ คนชอบกระทำกัน...ว่าถ้างั้นสบายมาก เจ๊เป็นคนพิษณุโลก ติดๆ กับสุโขทัยอยู่แล้ว ใช้ฉากที่นั่นแหละ เพราะมีบรรยากาศโบร่ำโบราณ ชวนให้เยือกเย็นวังเวงใจดี
พระเอกเป็นคน นางเอกเป็นผี อย่าง "ภูตพิศวาส" ของ "รพีพร" นั่นปะไร!
เรื่องฉากนี่สำคัญมากสำหรับเรื่องผี (จำมาจากคำสอนของ ครูเหม เวชกร) ถ้าใช้ฉากพัฒน์พงษ์ หรือสยามสแควร์ สี่แยกราชประสงค์ตอนเที่ยงวัน! ถ้าไม่กินยาผิดซองก็อย่าอุตริเขียนเรื่องผี หรือผีหลอกตอนนั้นดีกว่า เดี๋ยวก็เหนื่อยไม่เสร็จ
อ้อ! แล้วอย่าลืมเรื่องกลิ่นธูปควันเทียน หรือกลิ่นดอกไม้ประเภทดอกซ่อนกลิ่น ดอกสร้อยทองล่ะ...ไหนๆ เจ๊ก็อยู่บ้านในซอยเปลี่ยวใกล้วัดสร้อยทอง พระรามหกนี่นา โดยเฉพาะเสียงหมาหอนอย่าให้ขาดเชียว ตอนผีกำลังจะออกโรงน่ะ อย่าลืมซะล่ะ!
...ว่าแต่เจ๊ช่วยบอกเคล็ดลับมั่งซี ว่าเขียนแบบไหนถึงจะได้รางวัล ส.ป.อ. กะเค้ามั่ง? อยากเอาไปดูเล่นน่ะ ไม่ใช่อะไร
สุวรรณี สุคนธา หัวเราะกลิ้ง แทบน้ำหูน้ำตาไหล บอกว่าเขียนหนังสือบ้าๆ บอๆ อย่างเธอน่ะ อย่าไปคิดถึงเรื่องรางวี่รางวัลอะไรกับเขาเลยน่า...ประสาท!
ไม่ช้าไม่นาน เจ๊แต๋วก็บรรเลง "สามเงา" ออกมา ดูเหมือนจะลงในนิตยสาร "นพเก้า" ของ คุณปรีชา เหตระกูล เสร็จสรรพก็รวมพิมพ์เป็นเล่มปกแข็ง 2 เล่มจบตามสมัยนิยม เซ็นหนังสือให้เรียบร้อย แต่ไม่รู้ว่าเล่ม 1 สูญหายไปไหนหลายปีแล้ว
ทั้งสุวรรณี สุคนธา และคุณปรีชา เหตระกูล ยอดปิยมิตรของผมทั้งคู่ ล้มหายตายจากไป 20 กว่าปีแล้ว...ไม่เคยมาเข้าฝันบอกหวย...เอ๊ย! เล่าสู่กันฟังมั่งเลยว่าโลกหน้าเป็นยังไงมั่ง? ปล่อยให้ บุญเสมอ แดงสังวาลย์ นั่ง เทียนเขียน "ตายแล้วมาทางนี้" กับ "ตายแล้วจะไปไหนไหน" ยังกับเคยตายมาแล้วยังงั้นแหละเอ้า!
แต่คนอ่านบอกว่าสนุกดีแฮะ เรื่องราวของชาวไร้ร่างสารพัดรูปแบบนี่น่ะ...อ่านแล้วบริหารคอดี! คือต้องคอยหันซ้ายหันขวาด้วยความหวาดระแวงอยู่เรื่อยๆ ว่าจะมีใครมาแอบอยู่ข้างหลัง แล้วถอนหายใจรดต้นคอหรือเปล่า?
ปีศาจนิยายไม่เคยตาย! ยืนยงคงกระพันตลอดมา...มีแต่คนเขียนเท่าที่ต้องล้มหายตายจากกันไปเป็นธรรมดา
คำพูน บุญทวี นักเขียนรางวัลซีไรต์คนแรกของเมืองไทยจากเรื่อง "ลูกอีสาน" อันลือลั่น ไหนจะ "นายฮ้อยทมิฬ" ที่เป็นละครทีวี เคยเล่าให้ฟังว่า...เขียนเรื่องผีมาไม่มากแค่ห้า-หกร้อยเท่านั้นแหละ โอ้โฮ!
แพร โสภิณ (แสวง สิงห์โสภณ) นักเขียนที่โด่งดังจากค่ายฟ้าเมืองไทยก็ชอบเขียนเรื่องผี รายนี้มาแปลกที่ชอบนอนคว่ำเขียนหนังสือ ใช้หมอนรองอก เขียนเรื่องได้รอบตัวไม่แพ้รุ่นใหญ่
พี่คำพูนนี่แหละที่เล่าให้ฟังว่า วันดีคืนดี แพร โสภิณ กำลังนอนเขียนเรื่องผีตอนกลางวันแสกๆ เกิดเผ่นผลุงขึ้นมาร้องเอะอะโวยวาย วิ่งอ้าวออกจากบ้านพักหน้าตาตื่น ร้องตะโกนลั่นๆ ว่า "ผีหลอก! ช่วยด้วย...ผีหลอกโว้ย..."
ไม่รู้ว่าโดนเข้าจริงๆ หรือเกิด "อิน" กับเรื่องผีที่กำลังปั่นเหย็งๆ อยู่นั่นจนเกิดอุปาทานกันแน่...แหม! เกือบลืมนักเขียนเรื่องผีใหญ่มหึมาซะแล้วซี!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น