12 มกราคม 2557

ผีขึ้นจอ (จบ)

ครูเพลงอาวุโส มนัส ปิติสานต์ ย้อนอดีตให้ฟัง สมจริงสมจังเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นหยกๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง ทั้งๆ ที่ปาเข้าไปราว 40 ปีเห็นจะได้

หลังจากได้ยินเสียงเพลง "ปอบผีฟ้า" ดังโหยหวนเยือกเย็นกลางดึก ขณะที่รถไฟแล่นผ่านจังหวัดสระบุรี เคล้าระคนกับเสียงล้อเหล็กบดรางดังกระหึ่ม อาการหลับๆ ตื่นๆ ก็พลันกลายเป็นหูตาสว่างจ้า

"ผีฟ้าเอย เจ้าสุดโสภา..." กับ "เลือด! ข้าอยากได้เลือด..."

"ผมรีบควักปากกามือไม้สั่น แต่เจ้ากรรมไม่มีกระดาษใกล้มือ" ครูมนัสเล่าจนแทบจะเห็นภาพแน่ะ "สมัยนั้นมีกระดาษชำระแขวนไว้หน้าห้องน้ำ ผมก็อาศัยฉีกมาเป็นกระดาษเขียนเนื้อเพลงกันลืม...กระทั่งรถแล่นถึงสถานี อยุธยาแล้ว ถึงได้เขียนเพลงจบ"

เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ ก็รีบบึ่งเอาไปให้คุณไพรัชทันที!

"แหม! พอเห็นเข้าก็ดีดนิ้วผลัวะ...ได้การ!!"

ว่าแต่ใครล่ะ ที่ล่องลอยตามขบวนรถไฟมาร้องเพลง "ปอบผีฟ้า" ด้วยเสียงโหยหวนเยือกเย็น เสียงเพลง "ผีฟ้าเอย..." ชวนหนาวสันหลังก็ดังวังเวงใจไปเกือบทุกหลังคาเรือนในยุคนั้น...

ต่อ มา พี่ป๋องกับน้องกิ๊ก (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ก็พาผู้ชมที่ชอบเรื่องสยองขวัญไปดูแหล่งผีดุ ชื่อตอน "คนลองของ" ในรายการ "มิติลี้ลับ" ทางช่อง 7 ทุกคืนวันพุธ...ใครไม่ขนลุกก็ใจแข็งเต็มที

ในเวลาไล่ๆ กัน ปีศาจนิยายก็กลายเป็น "ปีศาจจอแก้ว" ออกอาละวาดเกือบทุกช่อง ทางจอเงินก็มีทั้ง "ตำนานกระสือ" "กระสือสาว 2001" กับ "ปอบหวีดสยอง", "ผีสามบาท", "ผีหัวขาด" และ "ผีละบาท" เป็นต้น

เพิ่ง นึกถึงหนังจอใหญ่เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน "บ้านผีปอบ" ถึงจะเป็นหนังฟอร์มเล็ก แต่ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ มีแฟนๆ ที่ชอบบรรยากาศน่าสะพรึงกลัวซื้อตั๋วเข้าไปอุดหนุนกันคับคั่ง โดยเฉพาะโรงชั้นสองกับต่างจังหวัด เล่นเอาหนังฟอร์มใหญ่ค้อนควักตาคว่ำตาหงายไปตามๆ กัน

คิดแล้วก็น่าเห็นใจแฮะ เพราะ "บ้านผีปอบ" ที่มีผีปอบรุ่นน้าคือ "ป้าหยิบ" โผล่ออกมาเลียปากแผล็บๆ น่ะ เบ็ดเสร็จสร้างไปเกือบ 30 ภาคได้แล้วมั้ง ขณะที่หนังฟอร์มใหญ่ยังไม่ทันออกจากโรงหนัง คนสร้างก็แทบจะเข้าไปนอนในห้องไอซียูซะแล้ว

นอกจากภูตผีปีศาจสารพัดรูปแบบจะเป็นนิยาย เป็นภาพยนตร์และละครทีวีแล้ว ก็ยังมีสัมภเวสีหรือผีเร่ร่อน อยู่ตามศาลเจ้าพ่อนั่น เจ้าแม่นี่ ตำหนักโน้นตำหนักนี้อีกมากมายหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ

ผู้สันทัดกรณีฟันธงเปรี้ยง บอกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นพวกมิจฉาชีพหลอกลวงหากินกับความงมงายของผู้คน ส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์ น่ะส่วนมากเป็นพวกสัมภเวสีผีไม่มีศาล อดโซเพราะขาดเครื่องเซ่น เห็นผู้คนแห่แหนมากราบไหว้เซ่นวักตั๊กแตนเจ้าพ่อนั่น เจ้าแม่นี่ ก็เลยฉวยโอกาสเข้าสิงคนทรงเอาดื้อๆ

...หลอกลวงว่าเป็นเจ้าพ่อแท่งทอง เจ้าแม่เนินสะอาด พ่อปู่หลักโลก ฤๅษีตาทิพย์ ฯลฯ แล้วแต่จะแต่งตั้งตัวเองขึ้นมาดื้อๆ ให้คนหลงเชื่อ ที่หนักข้อกว่านั้นก็อ้างเป็นเสด็จโน่นเสด็จนี่ให้ดูขลังๆ น่าเคารพยำเกรง จะได้สวาปามเครื่องเซ่นดีๆ เช่น หมูเห็ดเป็ดไก่ รวมทั้งสุรารสเลิศ จนอิ่มหนำสำราญ เกษมเปรมปรีดิ์ไปตามๆ กัน เพราะหิวโหยแทบไส้ขาดมาเนิ่นนานเต็มที

คล้ายๆ พวก "กระสือตอมห่าเที่ยวหากิน" ไม่มีผิด!

เรียกว่าหลอกลวงได้ทั้งคนทรง ทั้งชาวบ้านร้านช่องให้หลงเชื่อ แต่ใช่ว่าของจริงๆ จะไม่มีเสียเลย เช่น พี่ชายเพื่อนผมไปหาคนทรงแถวหลังวัดญวน สะพานขาว เป็นอาซิ้มวัย 60 ปี อาชีพรับจ้างหาบน้ำตั้งแต่สาวยันแก่ เพื่อขอให้เข้าทรงวิญญาณเพื่อนที่เป็นทหารเยอรมันสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่ายังอยู่หรือตายไปแล้ว

ปรากฏว่าอาซิ้มพูดไทยไม่ค่อยชัด เดี๋ยวเดียวก็พ่นภาษาเยอรมันปร๋อ บอกว่า "อั๊วตายไปนานแล้วเพื่อนเอ๋ย สุขสบายดีทุกอย่างไม่ต้องห่วงน่า...ดังเก้! อัปวีเดอร์เซน!"

เรื่องทำนองนี้ฟังหูไว้หูก็ดีนะครับ จะได้ไม่โดนต้มไง...สวัสดี!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น