01 มกราคม 2557

ผีอินเตอร์ (จบ)

นอกจากนั้นก็คือสายสิญจน์สำหรับผูกข้อมือไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือก็เชื่อว่า "ราหูอมจันทร์" เป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งที่ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยจากภูตผีปีศาจทั้งหลายแหล่ได้ชะงัดนัก

...แกะจากกะลาตาเดียวในวันขึ้น 15 ค่ำ (วันเสาร์ เดือน 5 ยิ่งดี เรียกว่าเสาร์ 5) ทำเป็นรูปยักษ์หรือราหูกำลังอ้าปากอมพระจันทร์ เคยเห็นที่หน้าจั่วประตูวัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา เมื่อสิบกว่าปีก่อน รูปทรงบ่งบอกว่าเป็นอิทธิพลของพม่า ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าพม่าก็เชื่อถือเรื่องนี้คล้ายๆ คนไทย

นำมาผูกคอเด็กและผู้ใหญ่ ป้องกันภูตผีและอันตรายทั้งปวงได้!

ใน "พระอภัยมณี" ก็มีเรื่องอ้ายย่องตอด หรือผีร้ายชนิดหนึ่งจะไปสูบเลือดนางละเวง แต่พธูเจ้ามี "ตราราหู" คุ้มครองอยู่ ทำให้ไอ้ย่องตอดยกมือไหว้ ยอมแพ้...บอกว่ามันกลัวอยู่อย่างเดียว คือตราพระราหูนี่เอง

คิดๆ แล้วแปลกประหลาดเอาการอยู่

เหนือสุดของเรามีรูปพระราหู ใต้สุดอย่างเกาะลังกา หรือศรีลังกา ที่เชื่อว่าเป็นฉากเมืองลังกาในพระอภัยมณีก็มีตราพระราหู ซึ่งเชื่อถือกันว่าเป็นเครื่องป้องกันภูตผีเช่นกัน...จะว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็คงไม่ผิดนัก เพราะสถานที่ห่างไกลกันราว 3,000 กิโลเมตรแหละหรือว่าจะได้รับอิทธิพลเรื่องนี้มาจากอินเดียเหมือนๆ กันก็เป็นได้

เรื่องสายสิญจน์หรือเครื่องรางที่ว่านั้น เชื่อถือกันในเรื่องปัดเป่าโพยภัยจากผีสาง และเคราะห์กรรมทั้งหลายแหล่ ที่น่าหวาดหวั่นพรั่นสยองก็คือ "ลมเพลมพัด"

เชื่อกันว่า ผู้มีวิชาอาคมทั้งหลายจะ "ปล่อยของ" หรือ "ลองของ" ด้วยการปล่อยภูตผีที่เลี้ยงไว้ออกมาตามลมในยามดึก ถึงได้เรียกว่า "ลมเพลมพัด" พวกผู้ใหญ่จะห้ามปรามเด็กๆ ว่า ถ้าได้ยินเสียงอะไรผิดปกติ ห้ามพูดห้ามถามเด็ดขาดว่าเป็นเสียงอะไร โดยใช้คำว่า "ห้ามทัก"

ถ้าใครทัก ของก็จะเข้าตัวคนนั้น!

ของที่ว่าไม่ใช่สิ่งมงคล ประเภทแก้วแหวนเงินทองใดๆ แต่เป็นของชั่วร้าย เช่น กระดูกผี, เส้นผมผีตายโหง, ตะปูตอกฝาโลง จนถึงหนังควาย ที่เชื่อว่าหมอผีเก่งๆ เสกเข้าท้องคนได้ง่ายดายเป็นว่าเล่น ทำให้คนเคราะห์ร้ายเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส จนกว่าจะมีคนดีมีวิชามาช่วยแก้ไขได้ หรือไม่ก็ด่าวดิ้นสิ้นใจไปเพราะ "โดนของ" ที่ว่า

พูดถึงเรื่องนี้ทำให้นึกถึงเรื่อง "ฮู้" หรือ "ยันต์" ของจีนขึ้นมาได้

คิดว่าท่านผู้อ่านคงรู้จักฮู้ที่ว่าพอสมควร ไม่ว่าเด็กๆ เคยเป็นคางทูม พ่อแม่พาไปหาซินแสให้เขียนฮู้ข้างแก้ม โดยเชื่อว่าคางทูมเป็นวัว ส่วนฮู้เป็นเสือที่มีอำนาจเหนือวัว

ยันต์ของคนจีนจึงป้องกันภูตผีได้!

อย่างที่เคยเห็นในหนังจีน ว่าที่ไหนมีผีดุร้ายออกอาละวาด ชาวบ้านร้านช่องก็จะไปหายันต์มาปิดประตูบ้านไว้ บรรดาอสุรกายทั้งหลายแหล่เห็นเข้าก็บังเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าบุกบั่นเข้าไปทำอันตรายผู้คนในบ้านได้เด็ดขาด

ในวรรณคดีจีนเรื่อง "ซ้องกั๋ง" ก็มีภูตผีชื่อ "ดาวร้าย 108 ดวง" ถูกฝังอยู่ใต้ดินในวัดบนภูเขา ปิดผนึกด้วยยันต์ที่สลักไว้บนก้อนหินปิดปากหลุม แต่วันดีคืนร้ายก็มีขุนนางขี้เบ่งมาบังคับพระลูกวัดให้เปิดก้อนหินออกมา วิญญาณทั้งนั้นก็เลยโลดลิ่วออกไปสู่อิสรภาพได้สำเร็จ

"ไซอิ๋ว" ก็มีตำนานว่า "ซึงหงอคง" หรือ "เห้งเจีย" เป็นลิงจอมแก่นแสนซน จนพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งนาม "ยูไล" ต้องจับขังแล้วสาปว่า เมื่อไหร่มีพระถังซำจั๋งผ่านมาพบจึงจะหลุดพ้นจากคำสาปได้สำเร็จ กลับเป็นอิสระตามเดิม

ด้วยสาเหตุจากเรื่องราวของภูตผีปีศาจนานาชนิดทั้งหลายแหล่ หรือผีอินเตอร์ที่เล่าสู่กันฟังนี่เอง ที่ทำให้นักเขียนไทยเราเกิดจินตนาการฟุ้งเฟื่องว่า เรื่องผีๆ สางๆ ก็น่าสนใจไปอีกแบบ แถมนักอ่านยังชอบอกชอบใจอีกต่างหาก บอกว่าอ่านแล้วขนพองสยองเกล้าดีไม่หยอก จะบอกให้

อย่ากระนั้นเลย เราจงมาริอ่านเขียนเรื่องผีให้แฟนๆ ปอดอ้า เขย่าขวัญกันให้ครึกครื้นไป ดีกว่าอยู่เปล่าๆ เสียเถิด จะประเสริฐนักแล

ประวัติศาสตร์จึงบันทึกไว้ว่า เรื่องปีศาจอสุรกายทั้งหลายแหล่ได้อุบัติขึ้นในแดนสยาม ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในรูปแบบเสียดสี ทีเล่นทีจริง จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องผีสมบูรณ์แบบในเวลาต่อมา เมื่อ 73 ปีก่อนนี้เอง!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น