10 มกราคม 2557

ผีขึ้นจอ (4)

เรื่องที่เรียกรวมๆ กันว่า "เรื่องสยองขวัญ" ไม่นับเรื่องฆาตกรรมอำพรางหรือวิทยาศาสตร์ล้วนๆ แต่เป็นเรื่องภูตผีกึ่งวิทยาศาสตร์ ผสมกลมกลืนอย่างสนิทเนียน ก็ได้รับความนิยมชมชอบจากแฟนๆ เช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องสยองขวัญของ จินตวี วิวัธน์ อย่างที่เล่าไว้ในตอนต้นๆ

นอกจากละครเขย่าขวัญทางทีวีแล้ว ยังมีรายการผีๆ สางๆ เช่น ลองของ, เขย่าขวัญ, สุดสยอง ฯลฯ ค่อนข้างมากมายทางทีวี มีพิธีกรดังๆ เชิญดาราทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็กบ้าง นักเขียนเรื่องผีบ้าง หรือไม่ก็นักแต่งเพลง และท่านผู้ชมที่มีประสบการณ์เรื่องผีๆ สางๆ มาพูดคุยกัน ท่ามกลางบรรยากาศน่าขนลุกขนพองซะไม่มี

"ใบหนาด" ไปออกรายการเหล่านี้เกือบทุกรายการ

แม้แต่ "บ้านเลขที่ 5" ของคุณสาวิตรี สามิภักดิ์ "พฤหัสบันเทิง" ของคุณอดิศักดิ์ ศรีสม กับ คุณชลิดา เถาว์ชาลี อดีตนางสาวไทย หรือรายการ "ขนหัวลุก" ของคุณมยุรา ธนะบุตร ก็ยังชวน "ใบหนาด" ไปเล่าเรื่องผีสู่กันฟังนี่นา

อย่าทำเป็นล้อเล่นกับเรื่องผีๆ สางๆ ที่ไม่ว่าคนชาติไหนก็ชอบอ่าน ชอบฟังชอบดูกันทั้งนั้นแหละน่า

เกือบลืมเรื่อง "ปอบผีฟ้า" ของดาราวิดีโอแล้วไหมล่ะ!

ภาพของยายแก่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนปีศาจดึกดำบรรพ์ในคืนฝันร้าย สารรูปไม่ผิดกับแม่มดหรือ "แร้งทึ้ง" แต่มีแฟนๆ เหนียวแน่นทั้งเมือง โดยเฉพาะเพลง "ปอบผีฟ้า" น่ะ ได้ยินเมื่อไหร่เป็นขนลุกเมื่อนั้น

ตอนไปออก "ชมรมขนหัวลุก" ของคุณมยุรา ธนะบุตร กับ คุณธงชัย ประสงค์สันติ มีครูเพลงชื่อดังผู้แต่งเพลง "ปอบผีฟ้า" กับคุณกพล ทองพลับ (ดีเจ.ป๋อง) ผู้จัดรายการ "ไนน์ตี้ช็อค" ทางวิทยุ เป็นแขกรับเชิญ 3 คนไปเล่าเรื่องผีๆ สางๆ ให้ผู้ชมฟังทางหน้าจอทีวี

พี่ป๋องเคยชวนผมไปคุยเรื่องผีมาก่อน รู้จักมักคุ้นกันดี จำได้ว่าคืนนั้นก่อนเปิดรายการ เพลง "ปอบผีฟ้า" ก็ดังลั่นขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่มีใครไปแตะต้องปุ่มหรือสวิตช์ใดๆ ทั้งสิ้น เล่นเอาหน้าตาไม่ค่อยสเบยไปตามๆ กัน

รายการของคุณมยุราวันนั้น ก็เลยได้รู้จักผู้แต่งเพลงนี้เป็นครั้งแรก หน้าตาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ใจดี น่ารักน่านับถือจริงๆ ครับ

คือครูมนัส ปิติสานต์!

ครูเพลงชื่อดัง ผู้แต่งเพลงไทยสากลระดับ "อมตะนิรันดร์กาล" เอาไว้หลายเพลง ที่ยังโด่งดังเมื่อ 30-40 ปีมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ "เสน่หา" กับ "ฝนหยาดสุดท้าย"

ครูมนัสเล่าย้อนความหลัง อันเป็นที่มาของละครสุดฮิตในอดีต "ปอบผีฟ้า" ว่ารับปากกับคุณไพรัช สังวริบุตร ว่าจะแต่งเพลงปอบผีฟ้าเป็นเพลงนำเรื่อง (ไตเติ้ล) ของละครเรื่องนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังแต่งไม่ออกซักที จนต้องขึ้นรถไฟดั้นด้นไปถึงภาคอีสาน อันเป็นแหล่งกำเนิดของ "ปอบผีฟ้า"

ลงรถไฟที่สุรินทร์แล้วว่าจ้างคนนำทางไปดูการแสดงปอบผีฟ้าในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดยจ่ายค่าจ้างราว 30-40 บาท เป็นค่ายกครู...ว่างั้น!

เสร็จสรรพมีผู้หญิง 4 คนแต่งกายชุดดำออกมาร่ายรำตามเสียงซึงที่ลานหน้าบ้าน...รวมทั้งได้สัมภาษณ์ผู้คนมากหน้า แต่ก็ยังไม่ปิ๊งหรือถูกอกถูกใจ ได้ไอเดียแต่งเพลงซักที

ในที่สุดเลยยอมแพ้ มานั่งดวดดื่มสุราแก้เซ็งอยู่ที่สถานีสุรินทร์ ตัดสินใจนั่งรถไฟกลับกรุงเทพฯ ดีกว่า...

ตอนดึกๆ กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น ก็ได้ยินเสียงเพลง "ปอบผีฟ้า" ดังแว่วเหมือนกับลอยตามลมมากระทบหู เคล้ากับเสียงฉึกฉักรถไฟ จนประสาทตื่นตัวเต็มที่ ก็ยังได้ยินเพลงที่ว่าร้องซ้ำๆ คลอเสียงซึงอย่างถนัดชัดเจน

"ผีฟ้าเอย เจ้าสุดโสภา..." ติดตามด้วยการร้องขอเสื้อผ้าสวยๆ งามๆ กับได้ร้องรำทำเพลง โดยเฉพาะอาหารที่อดอยากหิวโหยมาเนิ่นนาน...มีเสียงถามว่าอยากจะกินอะไร ก็มีเสียงแหบโหยตอบกระเส่าสั่นว่า...

"เลือด! เลือด...ข้าอยากกินเลือด..."

ใช่เลย! เพลงนี้แหละ "ปอบผีฟ้า" ตัวจริงเสียงจริง! บรื๋ออออ...

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 23 พฤศจิกายน 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น