ของถูกผีทับ
เป็นคติความเชื่อของชาวบ้านว่าเมื่อก่อนที่คนเจ็บจะหมดลมหายใจ ต้องนำยาที่ใช้รักษาพยาบาลออกไปไว้นอกบ้านมิฉะนั้น เมื่อคนเจ็บตาย ยานั้นเรียกว่าของถูกผีทับไม่สามารถนำมาใช้ได้เพราะคุณภาพเสื่อมบางทีเชื่อถึงขนาดต้องนำคาถาเลขยันต์ของศักดิ์สิทธิ์ออกไปนอกตัวบ้านก่อนที่คนเจ็บจะตาย มิฉะนั้นของจะเสื่อมต้องนำไปถวายวัดหรือนำไปเข้าพิธีปลุกเสกใหม่เป็นคติความเชื่อของคนโบราณซึ่งในปัจจุบันไม่ค่อยยึดถือปฏิบัติกันแล้ว
การจุดเทียนขี้ผึ้ง
ในสมัยโบราณ เมื่อคนเจ็บสิ้นลมหายใจแล้วให้จุดเทียนขี้ผึ้งหนัก ๑ บาทมีไส้ ๗ ไส้ไว้จนกว่าเทียนดับเป็นอันสิ้นสงสัยเพราะคนป่วยตายแน่ทั้งนี้เนื่องจากบางทีคนป่วยอาจสลบหรือเพียงหมดสติไปชั่วคราวเท่านั้นจึงไม่ผลีผลามรีบร้อนจัดการศพในทันทีที่สิ้นใจ
การเฝ้าศพหรือเฝ้าผี
หากมีคนตายในบ้านในเวลาค่ำไม่สามารถนำศพบรรจุโลงได้ทัน จะต้องมีการนอนเฝ้าศพหรืออยู่เป็นเพื่อนศพโดยการนำผ้าขาวหรือผ้าห่มมาคลุมศพไว้ตั้งแต่หัวถึงเท้าจุดตะเกียงหรือเปิดไฟให้สว่าง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความวังเวงน่ากลัวนั่นเอง
คติความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำ
คนโบราณเชื่อกันว่า ถ้าแมวดำกระโดดข้ามศพจะทำให้ศพนั้นผุดลุกขึ้นมาหรือทำให้ปีศาจคนองด้วยเหตุนี้หากศพนอนอยู่ในที่ซึ่งมีฝาเรือนกั้นไม่มิดชิดต้องกางมุ้งให้ศพด้วยบางท้องที่จะให้ศพนอนตรงรอด หรือขื่อบ้านหันหัวศพไปทางทิศตะวันตกเพราะเชื่อกันว่าเป็นทิศของคนตายด้วยเหตุนี้จึงถือคติไม่นอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตก
คติความเชื่อเกี่ยวกับการกางมุ้งให้ศพ
การนำผ้าห่มมาคลุม หรือกางมุ้งให้ศพก็เพื่อไม่ให้มองเห็นแล้วเกิดความกลัว ต้องระวังอย่ายกหรือถือข้าวของข้ามศพเพราะถือเป็นการไม่ให้ความเคารพบางคนมีคติความเชื่อว่าต้องกางมุ้งให้ศพเพียง ๒ หูคร่อมศพไว้ และเมื่อคนป่วยสิ้นใจลูกหลานอาจร้องไห้เศร้าโศกอาลัยรัก ควรระวังอย่าให้น้ำตาไปโดนร่างของศพ เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้วิญญาณของผู้ตายเป็นห่วงลูกหลานไม่ยอมไปสู่สุคติ
อ้างอิง : ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทย เรียบเรียงโดย ธนากิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น