เมื่อทำพิธีอาบน้ำศพเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องจัดการแต่งตัวหวีผมศพให้เรียบร้อย เกี่ยวกับการหวีผมให้ศพนั้นมีคติความเชื่อเป็นหลายนัย บ้างให้หวีสามหนเท่านั้นบ้างก็ว่าให้หวีกลับไปข้างหน้าซีกหนึ่งไปข้างหลังอีกซีกหนึ่งหมายถึงหวีสำหรับคนตายครึ่งหนึ่งสำหลับคนเป็นครึ่งหนึ่ง
หลังจากหวีผมเสร็จจะต้องหักหวีที่ใช้ทิ้งหรือโยนใส่ไปในโลงศพ ตอนหักหวีให้กล่าวเป็นภาษาบาลี "อนิจจังทุกขัง อนัตตา" เป็นปริศนาธรรม หมายถึงความไม่เที่ยงแห่งสังขาร แม้หวีดีๆ ก็ยังต้องหักเป็นท่อนใช้การไม่ได้ในวันหนึ่งชีวิตของมนุษย์เราก็เช่นกัน
หวีที่ใช้หวีผมให้ศพนั้นคนเป็นจะไม่นำมาใช้อีก จึงต้องหักทิ้ง
การนุ่งผ้าให้ศพ
เมื่ออาบน้ำ หวีผม ให้ศพเสร็จแล้ว ต่อไปก็เป็นการนุ่งผ้าแต่งตัวให้ศพซึ่งจะกระทำไม่เหมือนกับการแต่งตัวของคนเป็น คือ
- ให้ใช้ผ้าขาวนุ่งในชั้นแรกเอาชายพกไว้ข้างหลังแล้วนำเสื้อขาวมาสวมให้โดยเอารังดุมไว้ข้างหลังให้ต่างกับการใส่เสื้อคนเป็นแล้วเย็บเนาเป็นตะเข็บลงมาหาเอวทั้ง ๒ ข้าง ให้ห่มผ้าเฉียงจากขวามาซ้าย
- เสร็จแล้วจึงนำเสื้อผ้าใหม่อีกชุดหนึ่งมาสวมใส่ทับข้างนอกอย่างที่คนธรรมดาใส่กันทั่วไปตามปกติ
ปริศนาธรรมของการนุ่งผ้าให้ศพ
การแต่งตัวนุ่งห่มให้ศพของคนโบราณแบบนี้เป็นปริศนาธรรมให้เห็นว่า คนเราเกิดด้วยทิฏฐิ ตายด้วยทิฏฐิ อวิชชาปิดหน้าปิดหลังการนุ่งห่มอย่างแรกหรือชั้นแรกที่อยู่ข้างใน หมายถึงความตาย การนุ่งห่มชั้นนอกหมายถึงการเกิด อันคนเรามีเกิดแล้วก็มีวันดับวนเวียนอยู่ในสังสารวัฎ
ในปัจจุบัน ไม่ค่อยได้ทำพิธีอาบน้ำศพแต่งตัวและนุ่งผ้าศพอย่างสมัยโบราณกันแล้ว คงมีแต่การรดน้ำศพที่มีดังกล่าวมาแล้วส่วนเสื้อผ้านั้นนิยมสวมใส่ชุดใหม่ให้ศพ
การทำศพของคนโบราณมีปริศนาธรรมอยู่ทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มรดน้ำศพ ไปจนถึงตอนเผา
ประเพณีที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการทำศพอีก ๒ อย่างที่ยึดถือกันมา คือ
การตำหมากใส่ปากศพ
เมื่อทำพิธีอาบน้ำแต่งตัวและรดน้ำศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตำหมากใส่ปากศพ ๑คำหรือถ้าคนตายยังมีฟันอยู่ ก็ใช้หมากเจียนพลูที่เป็นคำๆ หักใส่ปากศพเป็นปริศนาธรรมว่า แม้หมากพลูที่คนตายเคยชอบนักหนาเมื่อตายแล้วก็ไม่สามารถเคี้ยวกินได้ขนาดตำป้อนให้แล้วก็ยังไม่รู้จักเคี้ยวไม่รู้จักคาย หรือแม้แต่ทรัพย์สมบัติทั้งหลายตายไปก็ไม่มีใครนำติดตัวไปได้นอกจากบุญกุศลและคุณความดีที่สร้างไว้เท่านั้นที่จะติดตัวไป
การนำเงินใส่ปากศพ
การนำเงินใส่ปากศพ มีคติที่มาหลายนัยบ้างว่าเป็นปริศนาธรรมเช่นเดียวกับการตำหมากใส่ปากศพ คือตายแล้วก็ไม่สามารถเอาทรัพย์สินติดตัวไปไม่ได้แม้เงินที่อมไว้ในปากสัปเหร่อก็ล้างเอาไปเสียอีกนัยหนึ่งบอกว่าคนสมัยโบราณเอาเงินใส่ปากศพเพื่อให้สัปเหร่อเป็นค่าจ้างเผา
บางคติว่าเงินที่ใส่ปากศพนั้นสำหรับให้วิญญาณของคนตายใช้เป็นค่าเดินทาง หรือค่าจ้างสำหรับคนพายเรือที่ทำหน้าที่พาดวงวิญญาณของผู้ตายข้ามแม่น้ำไปสู่ดินแดนของคนตายหรือโลกของวิญญาณ
นอกจากคนไทยแล้ว ชนชาติอื่นๆ เช่น จีน กรีกโบราณ ยิว ฯลฯ ก็มีการนำเงินใส่ปากศพโดยมีคติเกี่ยวกับความเชื่อแตกต่างกันไป
การปิดหน้าศพ
ในสมัยโบราณการทำศพบางแห่งจะมีการปิดหน้าศพด้วยขี้ผึ้งหนาประมาณครึ่งนิ้วกว้างพอปิดหน้าศพได้พอดีบางทีปิดเฉพาะดวงตาและปากเท่านั้น หรือใช้ผ้าปิดแทนทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันภาพอุจาดตาและป้องกันไม่ให้แมลงมาวางไข่
อ้างอิง : ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทย เรียบเรียงโดย ธนากิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น