คำ "สัง" ใน "ตราสัง" นั้น นักปราชญ์บางคนสันนิษฐานว่ามาจากคำ "สังขาร" แต่ศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ) สันนิษฐานว่า น่าจะมาจากคำ "สาง" ซึ่งแปลว่า ผี หรือซากศพ
เมื่อมีคนตาย และทำพิธีเบื้องต้นให้แก่ศพ เช่น อาบน้ำศพ และแต่งตั้งศพ เสร็จแล้ว ก็จะตราสังศพ วิธีตราสังนี้มีต่าง ๆ กันในรายละเอียด แต่ตามหนังสือ "ประเพณีทำศพ" ฉบับหอสมุดแห่งชาติ ว่าไว้ดังต่อไปนี้
เมื่อได้จัดการแต่งตัวศพเรียบร้อยแล้ว ถ้าเป็นศพผู้ดี จะทำถุงผ้าขาวสวมศีรษะใบหนึ่ง สวมมือทั้งสองข้างซึ่งอยู่ในรูปประนมถือกรวยดอกไม้ธูปเทียนใบหนึ่ง และสวมเท้าอีกใบหนึ่ง จากนั้น เอาด้ายดิบ กล่าวคือ ด้ายที่ยังไม่ได้ฟอกสี เส้นขนาดนิ้วก้อย ทำเป็นบ่วงสวมคอบ่วงหนึ่ง มัดรอบหัวแม่มือและข้อมือทั้งสองข้างให้ติดกันอีกบ่วงหนึ่ง และรัดรอบหัวแม่เท้ากับข้อเท้าทั้งสองข้างให้ติดกันอีกบ่วงหนึ่ง เรียกว่า "ตราสัง" หรือ "ดอยใน"
เมื่อเสร็จแล้ว จะห่อศพด้วยผ้าขาวยาวสองทบ ชายผ้าทั้งสองอยู่ทางศีรษะและขมวดเป็นปมก้นหอย แล้วใช้ด้ายดิบขนาดนิ้วมือผูกจากเท้าขึ้นมาเป็นเปลาะ ๆ มารัดกับชายผ้าที่เป็นปมก้นหอยนั้นให้แน่น เหลือชายด้ายดิบไว้พอสมควรเพื่อเป็นสายยาวปล่อยออกมานอกโลงได้ แล้วยกศพที่มัดนั้นวางลงในลงให้นอนตะแคง
เวลาตราสังช่วงทำบ่วงสวมคอ มือ และเท้านั้น ผู้ตราสังจะท่องบ่นคาถาไปด้วยว่า "ปุตฺโต คีเว ธนํปาเท ภริยาหตฺเถ" หรือ "ปุตฺโตคีวํ ธนํปาเท ภริยาหตฺเถ" มีความหมายดังในโคลงโลกนิติว่า
มีบุตรห่วงหนึ่งเกี้ยว พันคอ
ทรัพย์ผูกบาทาคลอ หน่วงไว้
ภริยาเยี่ยงอย่างปอ รึงรัด มือนา
สามห่วงใครพ้นได้ จึงพ้นสงสาร
ราชบัณฑิตยสถานอธิบายว่า "ถ้าจะอธิบายไปทางปริศนาธรรมก็จะได้ความว่า ห่วงทั้งสามนี้ย่อมผูกมัดสัตว์โลกให้จมอยู่ในห้วงแห่งวัฏสงสารไม่ให้หลุดพ้นไปได้ ต่อเมื่อตัดบ่วงนี้ขาดจึงจะพ้นทุกข์ได้"
ในการมัดตราสังศพ
- เมื่อนำบ่วงคล้องคอ สัปเหร่อจะว่าคาถา ปุตโต คีวหมายความว่า ลูกคือห่วงผูกคอ เมื่อเวลามัดว่าคาถารัดประคดอก เป็นห่วงที่ 1
- แล้วโยงเชือกมากลางตัว ทำเป็นห่วงตะกรุดเบ็ดผูกหัวแม่มือของศพที่พนมมือกรวยดอกไม้ธูปเทียนอยู่ รวบมือศพผูกให้พนมไว้ที่หน้าอกว่าคาถา ธน หตุเถ ความหมายว่า ทรัพย์คือห่วงผูกมือ ในเวลามัดว่าคาถารัดประคดเอวเป็นห่วงที่ 2
- แล้วโยงเชือกมาที่เท้าทำเป็นบ่วงผูกหัวแม่เท้ารวบรัดเท้าผูกให้ข้อเท้าทั้งสองติดกันว่าคาถา ภริยา ปาเท หมายความว่า ภรรยา คือห่วงผูกเท้าเป็นห่วงที่ 3 (แม้ศพผู้หญิงก็ว่าคาถาแบบเดียวกัน) บางตำราว่าใช้คาถา ธน ปาเทไม่ใช่ ภริยา ปาเท และบางตำราก็ให้ผูกจากเท้าขึ้นมาก่อน
1. กามฉันทะ
2.ความพยาบาท
3. ความง่วงเหงาหาวนอน
4.ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ
5. ความลังเลใจ
ทั้ง 5 ประการนี้คือสิ่งขวางกั้นจิตไม่ให้บรรลุความดี
เหตุที่ต้องมัดศพอย่างแน่นหนาเพราะในสมัยโบราณไม่มียาสำหรับฉีดรักษาศพจึงต้องมัดไว้ให้ดีเพื่อให้ผ้าซับเลือดน้ำเหลืองและป้องกันโลงแตกเพราะศพขึ้นอืด
อ้างอิง : ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทย เรียบเรียงโดย ธนากิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น