05 พฤศจิกายน 2556

วิญญาณพยาบาท

"ผาแดง" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากแรงอาฆาตบบบเรื่องผีๆ สางๆ มีทั้งเชื่อและไม่เชื่อ คนที่ยืนยันว่าไม่เชื่อเรื่องผี ไม่กลัวผี และไม่เคยถูกผีหลอก มักชอบพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คนเราตายไปแล้วก็เรียกว่าผีทั้งนั้นแหละ...ถ้าผีมีจริงคนที่ถูกฆ่าก็ต้องกลับไปแก้แค้นคนที่ฆ่าตัวเองแน่ๆ นักโทษคดีฆ่าคนตายคงจะไม่แน่นโรงแน่นศาล หรือแน่นคุกตะรางอย่างทุกวันนี้เป็นแน่

เรื่องนี้น่าคิดนะครับ ผมขอนำประสบการณ์มาเล่าให้ท่านผู้อ่านพิจารณา...ตัดสินว่า "วิญญาณพยาบาท" จะมีจริงๆ หรือเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้นเอง

ผมเป็นเด็กอีสาน เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนชาวบ้านยังเชื่อถือเรื่องภูตผีต่างๆ ไม่ว่าผีฟ้า ผีแผน หรือผีป่า ผีโขมด ถ้าใครประสบกับสิ่งอัปมงคลก็เชื่อกันว่าเกิดจากภูตผีไม่พอใจแน่นอน

หมู่บ้านผมมีหมอไสยศาสตร์ หรือหมอผีชื่อดัง คือหมอคง เป็นชาวเขมรที่อพยพมาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ปลูกบ้านอยู่ใต้หมู่ต้นตาล แถมมีกอไผ่ร่มครึ้มล้อมรอบ บรรยากาศดูเยือกเย็นน่าวังเวงใจจนพวกเด็กๆ ไม่กล้าไปวิ่งเล่นก็แล้วกัน!

หมอคงเป็นพ่อม่ายเมียตาย อยู่กับลูกสาวชื่อคำแก้ว เพียงสองคนพ่อลูกเท่านั้นเอง...ลือกันว่าแกฝังศพเมียแกไว้ที่โคนต้นตาลหลังบ้าน ยิ่งทำให้ไม่มีใครกล้าเฉียดกรายไปแถวนั้น ยกเว้นแต่จำเป็นจริงๆ

ตอนกลางวันมักจะมีคนเลื่อมใสวนเวียนไปหาหมอคงอยู่เสมอ พวกผู้ชายก็ไปขอของดีประเภทอยู่ยงคงกระพัน กับยาเสน่ห์ที่ทำให้สาวหลง พวกผู้หญิงก็มักจะไปปรึกษาเรื่องผัวขี้เหล้ากับผัวเจ้าชู้ คนที่สมปรารถนาก็จะเอาเงินทองของกำนัลไปให้หมอคงเป็นสิ่งตอบแทน

พี่คำแก้วเป็นสาวสวยคม ผิวพรรณขาวสะอาดผิด กว่าคนส่วนมาก รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นที่มีไอ้หนุ่มบางคนเปรียบเปรยว่า "เหมือนนางอัปสร" แต่ไม่มีใครกล้าตีสนิทด้วย เพราะกลัวคาถาอาคมของอาจารย์คง

ตอนเย็นๆ พี่คำแก้วมักจะเดินมาซื้อเหล้าที่ร้านแป๊ะเห่งไปให้พ่อ พวกหนุ่มๆ ได้แต่มองตาเป็นมัน คนใจกล้าก็ทักทายชวนคุย พี่คำแก้วก็ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดน่ารักกับทุกคน...บางทีก็เย้าแหย่ว่าหมู่นี้ไม่ค่อยไปหาพ่อเธอเลย สงสัยว่าคงจะสมรักสมความปรารถนาแล้วกระมัง?

ค่ำวันเกิดเหตุ หมอคงนุ่งโสร่ง เปลือยอกเห็นรอยสักดำมืด เดินเทิ่งๆ ถือไฟฉายขนาดสามท่อนมาที่ร้านชำถามหาลูกสาว แป๊ะเห่งยืนยันว่าคำแก้วออกจากร้านไปนานแล้ว...

ผู้คนเริ่มเข้ามามุงดูด้วยความสนใจ อาจารย์คงหันกลับเดินจ้ำอ้าว มีชาวบ้านเดินตามห่างๆ ไปจนถึงดงตาลหนาทึบใกล้บ้าน...พี่คำแห้วนอนตะแคงแต่ใบหน้าพลิกหงาย ตาถลนลิ้นจุกปาก ผ้าซิ่นถูกรวบอยู่ที่เอว...โดนบีบคอข่มขืนจนขาดใจตาย

ตำรวจยังคงสืบหาฆาตกรโหด อาจารย์คงจัดการกับศพลูกสาวเงียบๆ ขอร้องแกมสั่งไม่ให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้อง...เชื่อกันว่าคงจะฝังศพพี่คำแก้วข้างๆ กับศพแม่ของเธอนั่นแหละ

ชาวบ้านก็ได้แต่ซุบซิบกันอย่างหวาดระแวงว่าใครเป็นตัวการ? จะโทษคนนั้นคนนี้ก็ไม่มีหลักฐาน พวกคอเหล้าที่อยู่ในร้านวันที่พี่คำแก้วถูกฆ่า ก็ไม่มีใครออกจากร้านในเวลาใกล้ๆ กับตอนพี่คำแก้วออกไปแม้แต่คนเดียว

ฆาตกรไม่ได้อยู่ในร้าน แต่ดักซุ่มอยู่กลางทาง!

ปัญหาก็คือใคร? ช่วงนั้นก็ไม่มีคนต่างถิ่นเข้ามาแม้แต่คนเดียว

ยามค่ำคืนมีเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังแว่วมากับสายลม ท่ามกลางเสียงหมาหอนโหยหวนน่าขนหัวลุก ชาวบ้านต่างปิดประตูหน้าต่างกางมุ้งนอนเร็วกว่าปกติ บางคืนได้ยินเสียงร้องโหวกโหวย วิ่งพลางร้องพลางว่าโดนผีหลอกไปตลอดทาง

ปรากฏว่าเดินมาดีๆ ก็เห็นพี่คำแก้วเดินร้องห่มร้องไห้สวนทางมา ไม่ว่าใครก็ต้องเผ่นกระเจิงกันทุกคน

อาจารย์คงไม่ต้อนรับแขกเหรื่ออีกต่อไป นานๆ แกก็เดินมาซื้อเหล้าที่ร้านแป๊ะเห่ง ด้วยหน้าตาตายสนิทเหมือนรูปสลัก...หมู่บ้านเรามีแต่ความเยือกเย็นน่าวังเวงใจ หวาดระแวงว่าจะเกิดเหตุร้ายซ้ำรอยเดิมเพราะแรงพยาบาทของอาจารย์คง

เวลาผ่านไปราวเดือนเศษก็เกิดเรื่องน่าขนหัวลุกขึ้นมา!

พระที่ออกบิณฑบาตพบศพชายนอนคว่ำ ตะแคงหน้าอยู่ตรงจุดเดียวกับที่พบศพพี่คำแก้วนั่นเอง...ตามร่างกายไม่มีบาดแผลใดๆ ยกเว้นแต่ลำคอมีรอยเขียวช้ำเหมือนถูกบีบเค้นอย่างรุนแรงจนสิ้นใจ นัยน์ตาเบิกโพลง มีเหล้าขาวที่ยังไม่ได้เปิดขวดหนึ่งกลิ้งอยู่ข้างๆ ศพด้วย

เจ้าเขื่อน-ลูกจ้างไร่ข้าวโพดที่ปลูกกระท่อมอยู่ห่างจากหมู่บ้านนั่นเองที่เป็นคนเคราะห์ร้าย...ชาวบ้านลือกันว่าเป็นเพราะแรงอาฆาตของวิญญาณพี่คำแก้ว และบ้างก็ว่าเกิดจากคาถาอาคมของอาจารย์คงที่ส่งภูตผีมาฆ่า

คนที่ไม่เชื่อเรื่องผีๆ สางๆ ก็เดาว่าเจ้าเขื่อนคงจะรีบเดินจนพลาดล้ม คอหักตายก็เป็นได้...แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เสียงร้องห่มร้องไห้น่าขนหัวลุกในยามค่ำคืนก็ขาดหายไปตั้งแต่นั้นมา!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 30 - ฉบับวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น