"ชูชีพ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้วยขวาง
ใครว่าคนไม่กลัวผีมักจะไม่โดนผีหลอก! แหม...ผมคนหนึ่งล่ะครับที่ขอค้านว่าไม่จริงเสมอไป ถ้าไม่เจอะเจอกับตัวเองคงไม่กล้าพูด แต่ผมขอยืนยันจริงๆ เอ้า ว่าคนที่ไม่กลัวผีอย่างผมนี่แหละที่โดนผีหลอกมาอานไปเลย!
ไม่รู้ว่าพวกภูตผีปีศาจมันจะจองล้างจองผลาญอะไรผมนักหนา ตั้งแต่เด็กยันโตเป็นหนุ่มอายุอานามเลยเบญจเพสมาหลายปีนี่ ผมโดนผีหลอกหลอนไม่รู้ว่ากี่หนต่อกี่หน
คิดอีกที พวกผีสางอีนางโกงมันอาจจะเกิดความพิศวาสผมเป็นพิเศษก็ได้มั้ง? ถึงได้ขยันมาหลอกหลอนซะจริง ตรงข้ามกับไอ้แจ้วเพื่อนผมที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ บ้านใกล้กัน โตขึ้นก็ทำงานบริษัทใกล้ๆ กันแถวสะพานควาย...ไอ้นี่มีนิสัยแปลกอย่างตรงที่...ขึ้นชื่อว่าคนแล้วไม่มีกลัว แต่กลัวผีจับจิตจับใจตั้งแต่เด็กจนโตแล้วยังสังกัดบริษัทปอดอ้า-ตาแหกไม่เลิกรา
มันให้เหตุผลกับผมว่า
"คนเราสองมือสองตีนเหมือนกันกูจะไปกลัวทำไม? แต่ขึ้นชื่อว่าผีแล้ว...โธ่! ขนาดนึกถึงกูยังขนลุก มึงคิดดูซีวะว่ามันจะมีกี่มือกี่ตีนก็ไม่รู้ แถมหายตัวได้อีกต่างหาก! พอโผล่มาแบบตากลวงโบ๋ หัวเราะแหบโหย จะเอาอะไรไปสู้กับมันวะ?"
ทั้งๆ ที่กลัวผีสุดขีด แต่ไอ้แจ้วไม่เคยโดนผีหลอกสักครั้งเดียว!
แต่ไอ้แจ้วคนกลัวผี กับผมผู้ไม่หวั่นเกรงภูตผีต้องมาโดนผีหลอกพร้อมๆ กัน...ขนาดว่าไม่กลัวๆ ผมยังต้องยอมรับว่ารายการนี้มันหลอนสุดขีดคลั่งจริงๆ เอ้า! นึกถึงผีที่เคยมาหลอกหลอนผมในอดีตน่ะ กลายเป็นผีเด็กๆ ไปเลย
เรื่องเป็นยังงี้ครับ!
บ้านเราอยู่ในซอยขวามือของถนนสุทธิสาร จากสะพานควายตรงลิ่วข้ามถนนวิภาวดีฯ ไปหน่อยเดียวก็เลี้ยวขวาเข้าถนนซอย...เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา...เอาเป็นว่าไปทะลุออกข้างโรงนวดโพไซดอน ถนนรัชดา ภิเษกได้ก็แล้วกัน
ย่านนั้นมีตึกรามบ้านเรือน ร้านค้าและอู่รถแท็กซี่ ผู้คนคึ่กๆ ตลอดวันกับครึ่งคืน บ้านผมกับไอ้แจ้วอยู่ช่วงกลางๆ อาศัยมอเตอร์ไซค์ในย่านนั้นเข้าออกมาหลายปี จนรู้จักมักคุ้นกันดีหลายคน บางเย็นก็ตั้งวงกันที่ "วิน" กลางทางนั่นแหละ ผลัดกันเป็นเจ้ามือ ไม่ว่าเหล้าหรือเบียร์ก็ซื้อที่ร้านตรงข้ามได้เลย
พูดถึงวินหรือที่พักก็มีทำเลเหมาะเจาะได้การ!
แคร่ไม้ไผ่เก่าๆ อยู่ตรงหัวมุมทางแยกพอดี ต้นมะขามเฒ่าจากที่ดินว่างๆ ด้านหลังร่มครึ้ม แต่ยังหาสังกะสีเก่าๆ มามุงกันแดดกันฝน ตอนกลางวันคนน้อยก็จอดรถคุยกัน ตกเย็นค่ำก็วิ่งรถแทบไม่ได้หยุด ราว 2-3 ทุ่มก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ถึงผมกับไอ้แจ้วจะทำงานใกล้ๆ กัน แต่ก็ไม่ได้ไปกลับพร้อมกันทุกวันหรอกครับ บางวันเราก็มีนัดกับเพื่อนฝูงที่อื่นมั่ง นัดสาวมั่ง นานๆ ก็เกิดจ๊ะเอ๋กลับบ้านพร้อมกัน หามอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายกลับบ้านคนละคัน
บางทีตอนเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ เราติดต่อกันทางมือถือ ออกมาเดินดูสาวตามร้านสะดวกซื้อ ร้านเสริมสวย บางทีก็โต๋เต๋ไปที่วิน...เล่นหมากฮอสมั่ง สั่งเหล้ามาซดกันมั่ง
น้าชื้น ลุงต่อม พี่เพิก ไอ้เดีย...นักบิดอาชีพพวกนี้ล้วนแต่ชอบพอกับเราทั้งนั้น เห็นหน้าก็พยักหงึก โดดซ้อนท้ายได้เลย เงินทองไม่ต้องพูดถึง แต่ผมกับไอ้แจ้วก็หาทางตอบแทนด้วยการหิ้วเหล้าไปฝาก ถือว่ามิตรจิตมิตรใจไงครับ
วันเกิดเหตุตรงกับวันศุกร์ ฟ้าครึ้มฝนเชียว ตอนผมเลิกงานมาเจอไอ้แจ้วพอดี รถราไม่ว่างสักคัน เลยชวนกันเข้าไปซดเหล้าในร้านลาบ...ฝนเทจั้กๆ ลงมาเหมือนฟ้ารั่ว เคราะห์ดีที่ไม่เข้าบ้านเพราะมีหวังเปียกโชกกลางทาง...จนกระทั่งผ่านไปเกือบสองแบนฝนถึงได้ขาดเม็ด
โชคดีเหลือเชื่อที่เห็นลุงต่อมรถว่างๆ กำลังจะเลี้ยวกลับ ไอ้แจ้วกับผมรีบเข้าซ้อนท้ายสองคน ลุงต่อมบอกว่าทนเอาหน่อยแล้วกันเพราะไม่เหลือคันอื่นแล้ว ถ้าขืนรอก็ต้องเสียเงินค่าตุ๊กตุ๊กหรือแท็กซี่
ผมเพิ่งนึกได้ตอนนั้นเองว่าเราไม่ได้สวมหมวกกันน็อกทั้ง 3 คน!
ปกติก็ไม่ได้สวมกันอยู่แล้ว รถมอเตอร์ไซค์ในตรอกซอยน่ะ ตามถนนใหญ่ก็เห็นบ่อยๆ บางคันที่สาวนั่งซ้อนท้ายเกาะเอวหนุ่ม เด็กๆ กอดเอวพ่อแน่น...ทำไมตำรวจไม่จับก็ไม่รู้? แต่ฝนตกถนนลื่นแบบนี้อดเสียวไส้ไม่ได้หรอกครับ ลุงต่อมแกอายุมากแล้วก็จริง แต่ยังชอบซิ่งไม่แพ้หนุ่มๆ โชคดีที่ไม่เกิดเหตุน่าหวาดเสียว ส่งเราถึงบ้านจนเรียบร้อย
รุ่งขึ้นผมนอนตื่นสายตะวันโด่ง ไอ้แจ้วซีครับที่โทร.มาปลุก บอกข่าวร้ายว่าลุงต่อมรถคว่ำตายเมื่อคืนนี้เอง ผมเด้งผางจากที่นอน หลุดปากว่า...โธ่! เพราะแกมาส่งเราแท้ๆ แต่ไอ้แจ้วพูดเสียงสั่นๆ ว่า ลุงต่อมโดนรถแท็กซี่ชนคอหักตายตั้งแต่ตอนฝนตกหนักเมื่อหัวค่ำแล้ว!
ผมเผ่นไปหาเพื่อนที่บ้านก็เจอมันนั่งรอหน้าตาซีดเซียว...พอรู้แน่ว่าผีลุงต่อมมาส่งเราจริงๆ เล่นเอาผมหวิดจับไข้...ขนหัวลุกอยู่ตั้งหลายวันแน่ะครับ! บรื๋อออ...
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 5 มิถุนายน 2551
สวัสดีเพื่อนเกมนักรักฉันอยากจะขอแนะนำให้คุณเป็นคุณภาพสูงมากและสะดวกเว็บไซต์กับคนที่ใหญ่ที่สุดในห้องสมุดของหนังจากเกมส์กับ thmovieshd.com คุณจะรีบตามหาตัวคนทำผิดได้ถูกหนังเรื่องและดูในดีมากคุณภาพ
ตอบลบ