01 ตุลาคม 2556

ประสบการณ์ขนหัวลุกหน้าห้องเช่าที่ประชาชื่น

"สนธิชัย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกหน้าห้องเช่าที่ประชาชื่น

ผมเป็นคนตจว. มาทำงานในกรุงเทพฯ ได้หลายปีแล้ว ล่าสุดมาเช่าห้องพักอยู่กับเพื่อนที่ประชาชื่น ตรงข้ามกับคลองประชา วันอาทิตย์หยุดงานก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน มักจะซักผ้ารีดผ้า อ่านหนังสือหรือดูทีวีอยู่ในห้องมากกว่า

ห้องเราอยู่ชั้น 3 ด้านหน้า มองผ่านทางเข้าออกไปถึงถนนใหญ่ เห็นต้นไม้ดกหนาเรียงรายริมคลองประปา มีทั้งต้นสัก หางนกยูง อินทนิล ฯลฯ ดูแล้วร่มรื่นน่าเย็นตาเย็นใจดีครับ ข้ามคลองประปาไปฝั่งโน้น เห็นป้ายร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมง เพราะมีทั้งตึกแถวและผู้คนแน่นหนา ตอนค่ำๆ ดูคึกคักมากเลย

มีเพื่อนข้างห้องเล่าว่าที่นี่ผีดุเอาการ! คือมีทั้งคนฆ่าตัวตายกับถูกฆ่าตาย เขาอยู่มา 4-5 ปีแล้ว จำได้ว่ามีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นราว 10 รายเห็นจะได้

มีทั้งผูกคอตาย กินยาตาย เชือดคอตาย ปาดข้อมือให้เลือดไหลจนตายบนเตียง มีอยู่รายหนึ่งกระโดดจากชั้น 5 ลงไปคอหักตายคาที่...คนที่มาเช่าอยู่ใหม่ก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าในห้องนั้นมีคนฆ่าตัวตาย บนเตียงที่นอนอยู่ทุกคืนก็มีคนเคยนอนตายอย่างทรมานเพราะทำลายชีวิตตนเอง

คิดแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าโรงแรมหรือห้องเช่าทั่วๆ ไปก็มักจะมีคนถูกฆ่า หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายกันทั้งนั้น..ไม่ค่อยรอดหรอกครับ แต่คิดอีกทีก็สยองเหมือนกัน คือสงสัยว่าห้องที่เราอยู่จะเคยมีเหตุการณ์น่าหวาดเสียวเกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่า?

เพื่อนข้างห้องไม่ได้เล่า ผมก็ไม่อยากถาม เพราะคิดว่าถ้าไม่รู้เรื่องเลยจะเป็นการดีที่สุด

ตอนค่ำ ผมกับเพื่อนมักชอบนั่งโจ้เหล้ากันที่ริมหน้าต่าง พินิจเพื่อนผมชอบทำกับแกล้มกินเอง พวกยำกุนเชียง ยำเนื้อ เนื้อย่างน้ำตกจิ้มแจ่ว บางวันก็ผัดผักบุ้ง ผักคะน้า หมูผัดกะเพรา แม้แต่ไข่เจียวหมูสับก็เป็นกับแกล้มได้ เป็นกับข้าวได้ตอนปิดรายการ

พวกมันฝรั่งทอด ถั่วอบเกลือ ปลาหมึกปรุงรส จะมีติดห้องเป็นกับแกล้มง่ายๆ เปิดถุงก็กินได้ทันที บางวันก็ตบท้ายด้วยมาม่า ยำยำ ทั้งเมาทั้งอิ่ม หลับสนิทไม่ต้องนึกถึงเรื่องผีให้เสียเวลา

ระยะหลังๆ มานี่ผมรู้สึกผิดหูผิดตายังไงชอบกล

นั่นคือ ตอนค่ำๆ ที่เรานั่งดวดเหล้ากัน พลางมองผ่านหน้าต่างไปที่รถราแล่นขวักไขว่ มีคนเดินเข้าออกที่อพาร์ตเม้นต์ (เรียกซะหรู) ค่อนข้างหนาตา เพราะมีห้องเช่าหลายสิบ มีทั้งคนทำงานกลางวันบ้าง กลางคืนบ้าง แต่พอเลยสามทุ่มก็ค่อยๆ บางตาลง

ชายร่างผอมสูง แต่งตัวสีทึบเดินช้าๆ เข้ามาที่ตัวตึก ห่างจากถนนใหญ่ราว 20 เมตร แสงไฟจากยอดเสาทำให้เห็นหน้าไม่ถนัดนัก พอเราเพิ่งมองได้ไม่นานเขาก็หายลับเข้ามาด้านล่างแล้ว

น่าแปลกอย่างตรงที่ ผมไม่เคยเห็นตอนเขาเลี้ยวมาจากถนนใหญ่สักครั้ง..เห็นทีไรเขาก็เดินใกล้ตัวตึกทุกที..สังเกตว่าเขาไม่เคยกลับมาก่อนสามทุ่มสักคืนเดียว!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรทำให้ผมสนใจชายคนนี้?

ถ้าเขากลับค่ำๆ ทุกคืนก็แสดงว่าต้องไปทำงานตอนเช้า แต่ทำไมผมจึงไม่เคยเห็นเขาเลยตอนนั้น แม้จะไม่เห็นหน้าถนัด แต่รูปร่างผอมสูง แต่งกายสีทึบ เสื้อแขนยาวไม่พับแขนก็เป็นจุดสังเกตได้ดี...แต่ก็ไม่เคยพบใครจะคล้ายคลึงเขาเลยแม้แต่คนเดียว

ที่น่าประหลาดอีกอย่างก็คือ เขาไม่เคยหยุดงานวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะผมเห็นเขาเดินตัวตรงกลับมาตอนสามทุ่มเศษทุกคืน

คืนเกิดเหตุทำให้ผมได้รับคำตอบน่าขนหัวลุกที่สุดในชีวิต!

เกือบสามทุ่มคืนวันอาทิตย์ พินิจแกงป่าเนื้อ ปลาสลิดทอดกรอบ กับผัดผักรวมมิตร ผมพูดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า..หมอนี่ขยันจริงๆ ขนาดวันอาทิตย์ยังไปทำงานอีก

เพื่อนถามว่าใคร? ผมจะเอ่ยปากตอบอยู่แล้ว แต่พอนึกขึ้นได้ก็ขนลุกซ่าไปทั้งตัว...ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้กับพินิจ นึกว่าเขาเห็นเหมือนกับผม แต่พินิจกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำให้ผมต้องจ้องหน้าเขาอย่างงุนงง ย้อนถามว่าไม่เคยเห็น "ผู้ชายสามทุ่ม" หรือ?

พินิจส่ายหน้า ผมเย็นหลังวาบ หันไปเห็นชายผู้นั้นเดินมาได้ครึ่งทางตามเคย รีบชี้ให้เพื่อนดูพลางบอกเสียงดังว่า..คนนั้นไง มาแล้ว!

นรกเถอะ! พินิจจ้องมอง อ้าปากค้างก่อนจะหันมามองผมคล้ายจะเป็นห่วง

"เมาแล้วเรอะ? ไม่เห็นมีใครซักคนเดียว!"

ผมแทบจะร้องตะโกนด้วยความอัดอั้น มองไปอีกทีเขาก็ลับตาไปตามเคย รีบชงเหล้าหนาๆ มือไม้สั่น เทอั๊กๆ ลงคอ เพื่อนส่ายหน้าพลางบ่นอะไรพึมพำ

ครู่เดียวผมก็สะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงเคาะประตู

พินิจลุกเดินไปเปิดดู รู้สึกเหมือนมีอากาศเย็นเฉียบแผ่ซ่านเข้ามาในห้อง..ผมแทบกลั้นใจเมื่อเห็นเพื่อนมองซ้ายมองขวา ก่อนจะปิดประตูใส่กลอน เดินส่ายหน้ากลับมา บอกว่าไม่เห็นมีใครซักคน...ผมอยากจะร้องว่าแล้วเราหูแว่วไปเองทั้งคู่ได้ยังไง? แต่ก็พูดอะไรไม่ออกจริงๆ

"ชายสามทุ่ม" เป็นใครแน่? ผมไม่อยากถามเพื่อนข้างห้องเพื่อหาความรู้เพราะแค่นี้ก็ขนหัวลุกพอแล้ว การมาเคาะประตูแต่ไม่ปรากฏตัวก็อาจจะเป็นคำตอบเรื่องนี้ เพราะตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมาผมก็ไม่เคยเห็นชายประหลาดผู้นั้นอีกเลย

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 12 พฤษภาคม 2547

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น