17 มิถุนายน 2556

สระว่ายน้ำมรณะ กาญจนบุรี

โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งมีเนื้อที่อาณาเขตใหญ่พอ ๆ กับสนามบิน ได้มีการเปลี่ยนชื่อของโรงแรมมาประมาณ 4 ครั้ง ความงดงามของโรงแรมกึ่งรีสอร์ทแห่งนี้เป็นที่โจษขานถึงความงดงามเกินบรรยาย ถูกใจให้ติดอันดับโรงแรมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของภาคกลาง  จำนวนแขกที่เข้าพักมีมากมายโดยเฉพาะวันหยุด โดยตึกของโรงแรมเรียงรายกันไปเป็นส่วนของริมสวน ริมสระว่ายน้ำ ริมแม่น้ำ ริมสระบัว

พนักงานหลายคนได้รับการกล่าวขาน ถึงตำนานสยอง ของตึกหนึ่งตึก ซึ่งตั้งอยู่ค่อนข้างเปลี่ยวกว่าตึกอื่น ตึกนี้หันหน้าเข้าสระบัว มีสะพานไม้ตรงกลางสระ ตึกนี้จะเป็นตึกสำรอง ถ้าตึกที่พักตึกอื่นเต็ม ก็จะส่งลูกค้ามายังตึกนี้ หรือ ถ้าได้บัตรพักฟรี ในลักษณะของ Gift Voucher ก็จะถูกส่งมานอนที่ตึกนี้ ซึ่งเป็นตึกสองชั้น

ตำนานสยองกล่าวกันว่า มีแขกผู้เข้าพักคนหนึ่ง เป็นสตรี หน้าตาสระสวย เป็นภรรยาของชาวต่างชาติรายหนึ่ง ได้ฆ่าตัวตายในห้อง เพราะทนความเจ้าชู้ของสามีไม่ไหว โดยสามีนั้นได้เกี้ยวพาราสีพนักงานหญิงของโรงแรมแห่งนี้ และได้เสียกันที่ห้องซาวน่า ภรรยาเห็นภาพทนไม่ไหวจึงกลับมาฆ่าตัวตาย หลังจากสาปแช่งสามีตนเอง และพนักงานสาวตัวต้นเหตุ  ซึ่งเจ้าของโรงแรมที่เป็นบุคคลที่มีอำนาจในการปิดข่าวได้สนิทนัก ทำการทำบุญตึก และปัดรังควาญอย่างครบสูตร กระนั้นยังคงได้ยินเสียงแปลก ๆ บางครั้งจากตึกที่ไม่มีคนเข้าพัก และจะเปิดบริการเฉพาะช่วงวันหยุด หรือ วันที่ตึกอื่น ๆ มีแขกเข้าพักจนเต็ม

บ้างก็เล่าว่า ตึกนั้น มีพนักงานหญิง ฆ่าตัวตายจากความกดดันเรื่องงาน และทนไม่ได้ที่มีสัมพันธ์ลึกกับผู้บริหาร และถูกทอดทิ้ง จึงฆ่าตัวตายเป็นที่ระลึกให้ชายหนุ่มได้รู้ซึ้งถึงคำว่ารักที่เธอมีให้

สระว่ายน้ำของโรงแรม เคยมีเด็กจมน้ำตาย เด็กคนนี้เป็นหลานของนักธุรกิจชื่อดังคนหนึ่งในตลาดชุกโดน จังหวัดกาญจนบุรี ไม่ปรากฏรายละเอียดของความอาถรรพ์ใด ๆ นอกจากเป็นข่าวอุบัติเหตุในหน้าหนังสือพิมพ์

คุณปลาทู ผู้เข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ ได้เล่าให้ฟัง ถึงประสบการณ์ขนพองผ่านทางเว็บไซต์  วัยซ่าส์.คอม ว่า  “ ผมไปสัมมนา ซึ่งบริษัทได้จัดห้องพักฟรีไว้ให้ เราไปกัน 5 คน ได้นอนตึกหนึ่งที่ค่อนข้างไกลจากสระว่ายน้ำ ขณะที่กำลังดูฟุตบอลอยู่นั้น ( ใกล้จบ ประมาณ 5 ทุ่ม ) ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อมองผ่านตาแมวตรงประตู เห็นเป็นผู้หญิงผมยาวยืนหันหลังให้ จึงคิดว่าเคาะประตูผิด ก็เลยเปิดประตูไปเพื่อจะแจ้งให้เธอทราบ แต่หน้าห้องไม่มีใครอยู่ มองไปทางซ้ายและขวาก็ไม่มีใคร ตอนแรกก็นึกว่ามีคนเล่นตลก หรือเพื่อนจ้างใครมาแกล้งอำ  จึงกลับมาดูถ่ายทอดฟุตบอลต่อ  และก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้ง จึงเดินไปดูผ่านตาแมว และก็เป็นผู้หญิงคนเดิมยืนหันหลัง เพราะจำเสื้อผ้าที่เธอใส่ได้ สีออกเขียว ๆ มีลายคล้ายดอกไม้ แต่การมองผ่านตาแมวทำให้ภาพเพื้ยนและเล็ก แต่กระนั้นผมก็จำได้ว่าเป็นเธอแน่ ๆ จึงเปิดประตูออกมาด้วยความรวดเร็ว กลัวเธอจะหนีไปอีก คราวนี้ไม่พบเจอเธออีกเช่นกัน แต่มีลมแรง ๆ วูบหนึ่งพัดผ่านผมเข้ามาในห้อง ผมจึงปิดประตู และรีบกลับไปยังเตียงเพราะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเอามาก ๆ ผมดูทีวีต่อจนง่วงและค่อย ๆ หลับไป “

“ ผมรู้สึกตัวอีกที เพราะได้ยินเสียงหยดน้ำแถว ๆ ปลายเตียง ผมจึงลืมตาขึ้น ผมตกใจถึงขีดสุด ผู้หญิงคนนั้น คนที่ผมเห็นหน้าประตู นั่งอยู่ที่เตียงเปล่าที่ผมวางกระเป๋าไว้ มีเพียงช่องว่างระหว่างเตียงที่ผมนอน กับเตียงที่เธอนั่ง มันใกล้กันมาก เธอนั่งก้มหน้า มีผมยาว ๆ ปรกหน้าตาไว้ แขนวางพาดที่หน้าตัก เหมือนจะร้องไห้อยู่ ผมเหลือบไปมองที่แขนมีแผลเหวอะหวะ เลือดไหลนองลงบนผ้าปูเตียงสีขาว
ผมกลัวมาก รีบลุกขึ้นเตรียมวิ่งออกนอกห้อง ตอนนี้เองที่เธอได้มองหน้ามายังผม และผมก็ต้องช็อคสุดขีด เพราะเธอไม่มีนัยน์ตา อาจเพราะไฟสลัวจากหัวเตียงสว่างไม่พอให้ผมมองเห็น แต่ผมไม่คิดอะไรแล้ว ผมวิ่ง วิ่ง และออกไปจากห้องโดยไม่ย้อนกลับมาอีกเลย “

“ที่แปลกมาก ก็คือ เมื่อผมไปแจ้ง รีซีฟชั่น ไม่มีใครมีทีท่าตกใจ หรือ แปลกใจกับสิ่งที่ผมพูดเล่าให้พวกเขาฟัง ผมนั่งอยู่ที่ล็อบบี้จนเช้า ไม่กล้านอนอีกเลย จนเช้า ให้เพื่อนเข้าไปช่วยเก็บของ เตียงว่างเปล่า ไม่มีรอยเลือด ทุกคนคงหาว่าผมบ้า แต่ผมไม่ได้บ้า“

ที่มา http://www.teenkan.com/column-nana.php?id=3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น