เคยซื้อของมือสองมาใช้กันบ้างไหมครับ แล้วเคยเจอเรื่องแปลกๆ ติดมากับของที่ซื้อหรือเปล่า เรื่องที่ผมจะเล่าเป็นเรื่องของผมเอง
ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ยังหางานทำไม่ได้ เป็นช่วงพิษเศรษฐกิจตกต่ำทั่วประเทศตอนปี 2541-2542 พอดีเห็นเพื่อนออกเร่ขายของตามตลาดนัดและวางแบกะดินตามริมบาทวิถี พอดีผมเป็นคนชอบใส่รองเท้า มีรองเท้าสะสมอยู่หลายคู่ จึงเกิดความคิดขายรองเท้าเก่าหรือรองเท้ามือสอง
แหล่งรองเท้าเก่าที่หาได้ ก็ไม่ใช่ที่ไหน ผมซื้อยกกระสอบจากตลาดโรงเกลือ อรัญประเทศ ช่วงเวลานั้นเขายังขายส่งยกกระสอบโดยคิดเป็นราคาตามน้ำหนักกระสอบ กระสอบหนึ่งจะกี่กิโลกรัมก็ว่ากันไป
ผมไปเหมามาได้ครั้งแรก 2 กระสอบ จำได้ว่าประมาณ 200 คู่ มีทั้งรองเท้าแฟชั่น รองเท้ากีฬา รองเท้าคัตชู รองเท้าเด็กฯ คละไซซ์คละลายปนเปกัน ผมปูผ้ายางวางขายกับพื้นถนนละแวกบ้าน งวดแรกขายดีมากไม่กี่วันก็หมด ผมได้ใจไปเหมามาอีกสองสามครั้ง ขายดีเหมือนเททิ้ง เรื่องมาเกิดเอาก็ตอนหนที่ห้าที่ผมใช้รถกระบะของพี่ชายไปขนมา!
หนนี้ผมซื้อมาสี่กระสอบ เปิดออกมาส่วนใหญ่หนักไปทางรองเท้ากีฬาและรองเท้าคัตชูมากกว่า แต่ทำไงได้ก็ต้องขาย คราวนี้ไม่ได้ขายคล่องเหมือนช่วงแรก แต่ก็พอได้
วันแรกที่ขายผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนมายืนค้ำหัวตั้งแต่แรกที่เทกระสอบออกเลือก พี่ชายผมถามว่าเอารถไปทำอะไร ถึงได้มีกลิ่นแปลกๆ สาบๆ สางๆ พิกล ผมตอบว่าก็เอาไปขนกระสอบรองเท้าอย่างเดียวนี่แหละ ไม่ได้ไปทำอะไร
"ทำไมเหม็นนักวะ" พี่ชายผมบ่นอยู่ตลอด ขณะเอารถไปล้างหน้าบ้าน
เหมือนผมจะได้กลิ่นอยู่เช่นกัน แต่นึกไปว่าเป็นกลิ่นรองเท้าเก่า เจ้าของเก่าเคยใช้มาแล้วอาจจะเป็นคนเท้าเหม็นหรืออะไรทำนองนี้ ไม่ก็กลิ่นกระสอบที่สกปรกเปื้อนสารพัดมาจากตลาดโรงเกลือมากกว่า ไม่ได้นึกมากไปกว่านั้น
ดึกคืนแรกหลังจัดรองเท้าเตรียมออกขายวันรุ่งขึ้น ได้กลิ่นสาบๆ ได้ยินเสียงกุกกักอยู่รอบตัว ไม่เว้นแม้แต่ตอนนอนอยู่บนเตียง ตอนนั้นบ้านผมเป็นตึกแถวสามชั้น เราอยู่กันมาได้เกิน 25 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องราวอะไรร้ายแรง จนกระทั่งคืนนั้น!
พี่ชายผมเป็นคนแรกที่หงุดหงิดกับเสียงคนเดินไปมาหน้าห้อง แรกๆ คิดว่าเป็นเพื่อนบ้านหลังติดกันที่พื้นชั้นสองของเขาปูด้วยไม้ เวลาเดินลงส้นหนักๆ จะส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด แต่คืนนั้นเสียงดังตลอดเหมือนมีคนเดินวนไปวนมาไม่หยุด
พี่ชายผมถึงกับตะโกนกึ่งตะคอกเพื่อนบ้านให้หยุดเดิน บางทีก็ตบผนังดังๆ หลายครั้ง ความเกรงใจน่ะมีบ้าง แต่ความที่มันดังอึกทึกตลอดแบบนี้เกินไปจริงๆ แต่เสียงพวกนั้นก็ยังไม่หยุด ยังดังรบกวนไปตลอดคืน
ผมเองก็พอได้ยิน แต่ความง่วงหนักหัว ทำให้หลับไปได้ พี่ชายผมคงเบื่อและอาจไม่อยากมีเรื่องมีราวมากไปกว่านั้น เลยหาดินน้ำมันมาอุดหู แล้วเข้านอนตามผมเอาตอนกลางดึก
เช้ามืดผมได้ยินเสียงไขประตูเหล็กบ้านข้างๆ เลยสะกิดเรียกพี่ชาย พี่ชายงัวเงียลุกขึ้นไปด้วยความหงุดหงิดเต็มที่ อยากจะไปถามให้รู้เรื่อง
แต่พอพี่ชายผมต่อว่าเพื่อนบ้าน กลับได้คำตอบว่า "เมื่อคืนไม่มีใครอยู่บ้านสักคน ไปธุระต่างจังหวัด เพิ่งกลับกันมาเดี๋ยวนี้เองนะ"
แถมเพื่อนบ้านตรงข้ามที่กำลังจะออกไปทำงานสองคนก็ร้องทัก และพูดเหมือนกันว่า ที่บ้านเมื่อคืนฉลองอะไร เห็นคนเดินเข้าออกบ้านตลอด ตามหน้าต่างก็เห็นเงาเหมือนมีคนเดินไปเดินมา ผมตอบไปว่า ไม่มีงานอะไรทั้งนั้น เขาก็ยังยืนยันว่าได้ยินเสียงคนพูดกันแว่วมาตลอด
ผมกับพี่ชายได้แต่สบตากัน เริ่มรู้สึกหลอนๆ เอ หรือว่ามันมีอะไรแปลกๆ ที่บ้านเราจริงๆ นะ
พี่ชายผมคงใจคอไม่ค่อยดี เลยเสนอให้ทำบุญใส่บาตรกันดีไหม เผื่ออะไรจะดีขึ้น ผมก็พยักหน้า แต่ว่าตอนนั้นมันเตรียมอะไรไม่ทันแล้ว ถ้าจะใส่บาตรก็คงต้องรอพรุ่งนี้แหละ หรือไม่ก็ต้องไปทำบุญที่วัด
พูดถึงพระท่านก็มา พอดีมีหลวงพี่ขาประจำเดินบิณฑบาตผ่านมา เห็นเรายืนหน้าตาตื่นกันอยู่หน้าบ้านก็ถามเราว่า ที่บ้านมีงานอะไรหรือ คนเต็มดาดฟ้า
เราสองคนมองหน้ากันทั้งงงๆ เหมือนจะถามกันว่า เอาอย่างไรดี พ่อกับแม่ที่ไปงานแต่งญาติที่ขอนแก่นก็ขับรถกลับมาจอดหน้าบ้านพอดี
ผมกับพี่ชายใจชื้นขึ้น กำลังคิดว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องประหลาดๆ นี้ให้พ่อแม่ฟังยังไงดี ก็พอดีพ่อเดินเข้ามาหาเราอย่างหัวเสีย
"นี่พ่อไม่อยู่ไม่กี่วัน แกถึงกับพาเพื่อนมาจัดงานเต็มบ้านอย่างนี้หรือ" ดูท่าพ่อจะโกรธเอาจริงๆ
"เพื่อนที่ไหนกัน ผมงานยุ่ง น้องมันก็วุ่นกับขายรองเท้า ไม่มีเวลาคิดเรื่องเฮฮาหรอก" พี่ชายผมตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิดไม่แพ้กัน
แต่แล้วผมกับพี่ก็ต้องขนลุกซู่เย็นไปทั้งตัวเมื่อพ่อชี้ให้ดูรองเท้าที่ตอนนี้มากองกันหน้าประตูบ้านนับร้อยๆ คู่ ทั้งๆ ที่เมื่อคืนผมจัดแยกลงกระสอบตามชนิดอย่างเรียบร้อย!.
ที่มา : คอลัมน์ หลอน โดย นทธี ศศิวิมล - ข่าวสด หน้า 26 - ฉบับวันที่ 5 มกราคม 2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น