เล่ากันมาว่า ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการทำทางรถไฟผ่านดงพญาไฟ ท่านผู้อ่านทราบไหม "ดงพญาไฟ" สมัยโน้นก็คือ "ดงพญาเย็น" สมัยนี้ ที่สมัยโน้นเรียกว่า ดงพญาไฟ
ก็เพราะในดงทึบแห่งนี้เต็มไปด้วยภยันตรายต่างๆ นานา ไม่ผิดกับเดินเข้ากองไฟ
พูดง่ายๆ ว่าคนที่เดินทางผ่านดงแห่งนี้ น้อยรายจะรอดชีวิต ไม่เสียชีวิตเพราะไข้ป่า ก็เพราะถูกสัตว์ร้ายเช่นเสือสิงห์กระทิงแรดกัดจนสิ้นชีวิต
ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือผีครับ ผีดุเอามากๆ เล่าว่า เจ้าหน้าที่และคนงานที่สร้างทางรถไฟ ถูกผีหลอกหลอนเป็นไข้หัวโกร๋นตามๆ กัน
เจ้าหน้าที่และคนงานก็หาวิธีแก้เคล็ดคือ เอาพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 5 มาตั้งไว้แล้วประกาศว่า ที่นี่คือแผ่นดินของพระเจ้าอยู่หัวนะครับ พวกเราได้รับพระบรมราชานุญาตมาสร้างทางรถไฟ เพราะฉะนั้น เมื่อเจ้าฟ้าและเจ้าแผ่นดินท่านสั่ง ก็ไม่ควรขัดขืน หรือทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อพระพระองค์ นั่นแหละครับ ค่อยสะดวกขึ้นอีกหน่อย แต่ก็อย่างว่า พวกผีพวกเปรตที่เป็น "มิจฉาทิฐิ" หรือพูดง่ายๆ ว่า พวกอันธพาล ก็ยังรบกวนอยู่ ไม่เกรงกลัวต่อราชอาชญา
เล่ากันอีกนั้นแหละ กระทาชานายหนึ่ง ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว เป็นคนงานสร้างทางรถไฟคนหนึ่ง ถูกพวกผีหลอกในยามค่ำคืน จึงสวดมนต์เป็นการใหญ่ แต่ยิ่งสวดก็ยิ่งยุให้มันมามากขึ้น ไม่มีทีท่าจะกลัวอะไรเลย พลันนึกขึ้นมาได้ว่า สมัยบวชได้สวดคาถาบังสุกุลบ่อย จึงสวดคาถานั้นดังๆ
เท่านั้นแหละครับ ผีทั้งหลายที่กำลังย่างสามขุมเข้ามา ก็แตกฮือหนีไปเลย เป็นที่อัศจรรย์ ตั้งแต่นั้นต่อมา เหล่าคนงานสร้างทาง จึงเรียนคาถาบังสุกุลจากพี่ทิดคนนี้ นำไปสวดโดยทั่วกัน
คาถานี้ขึ้นต้นด้วยคำว่า อนิจจา จึงเรียกโดยทั่วไปว่า คาถาอนิจจา ความเต็มมีดังนี้ครับ
อะนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน อุปัชชิตวา นิรุชฌันติ เตสัง วูปะสะโม สุโข
แปลว่า สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอ มีการเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ความสงบสังขารเหล่านั้นได้เป็นความสุข
ความหมายก็คือ สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต หรือไม่มีชีวิต มีวิญญาณครองหรือไม่มีวิญญาณครอง ซึ่งทางพระท่านเรียกว่า
"สังขาร" เหมือนกันหมด
สิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปตามธรรมดา ต่อเมื่อคนเราบรรลุพระนิพพาน ซึ่งเรียกว่าดับสังขารเหล่านั้นได้ นั้นแหละเป็นความสุข
พูดอีกนัยหนึ่ง ผู้ดับสังขารได้ คือผู้ที่ดับกิเลสทั้งปวงนั้นเอง ผู้ที่ดับกิเลสได้หมด ย่อมมีความสุขอย่างยิ่ง สุขแค่ไหน ผมไม่รู้ครับ เพราะยังดับกิเลสไม่ได้หมด ดับได้หมดแล้วจะบอกครับ
ไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้าตอนบ่ายๆ แหละน่า
ที่มาของคาถาบทนี้น่าสนใจครับ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน (ป่าไม้สาละ) ของเหล่ามัลลกษัตริย์ พระอินทร์ หรือที่คัมภีร์พระพุทธศาสนาว่า "ท้าวสักกเทวราช" เป็นผู้กล่าวคาถานี้ แสดงความไว้อาลัยแก่พระพุทธเจ้า ก็เห็นจะต้องเล่าย้อนหลังไปอีกนิดหน่อย เพื่อความเข้าใจชัดเจน เมื่อพระชนมายุครบ 80 ปี หลังออกพรรษาที่สุดท้ายแล้ว พระพุทธองค์ทรงรับคำอาราธนาของพญามารให้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ทรง "ปลงอายุสังขาร" (คือกำหนดวันตาย ว่าอย่างนั้นเถอะ) เป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหว
พระอานนท์จึงเข้าไปทูลถามพระพุทธองค์ว่าเกิดอะไรขึ้น พระองค์ตรัสว่า แผ่นดินไหวด้วยสาเหตุ 8 ประการ หนึ่งใน 8 นั้นคือเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขาร
พระอานนท์ก็รู้ทันทีว่า พระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขารแล้ว จึงทูลอ้อนวอนให้ทรงต่อพระชนมายุไปอีกหน่อยหนึ่งเถิด พระองค์ตรัสว่า สายไปแล้ว เราได้แสดงนิมิตโอภาส (บอกใบ้) ให้เธอตั้งหลายครั้ง แต่เธอไม่ "เก็ต" เอง
จากนั้นพระองค์ก็เสด็จมุ่งตรงไปยังเมืองกุสินารา สถานที่จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ทรงเสวยภัตตาหารมื้อสุดท้าย คือ "สูกรมัททวะ" ที่ นายจุนทะ กัมมารบุตรถวาย อาพาธก็กำเริบหนักแทบจะสิ้นพระชนม์ทีเดียว แต่ทรงระงับได้ด้วยพลังสมาธิ เสด็จมุ่งตรงไปยังเมืองกุสินารา ถึงป่าสาลวโนทยาน อันเป็นสถานที่เสด็จประพาสของเหล่ามัลลกษัตริย์ รับสั่งให้พระอานนท์ปูอาสนะใต้ร่มสาละทั้งคู่ ระหว่างนั้นทรงโปรดสุภัททปริพาชก ที่เข้ามาถามปัญหาข้อข้องใจ แล้วประทานอุปสมบท (คือบวชให้) แก่สุภัททะ ด้วยวิธีเอหิภิกขุ นับเป็นการบวชโดยพระพุทธเจ้าครั้งสุดท้าย หลังจากพระองค์ทรงงดการบวชเองมานาน ทรงมอบให้พระสงฆ์ทำการแทน สุภัททะ จึงนับเป็นสาวกรูปสุดท้ายของพระพุทธเจ้า จากนั้นก็ทรงสงบนิ่ง ทรงเข้ารูปฌานที่หนึ่ง สอง สาม สี่ จนถึงอรูปฌานขั้นสูง (เนวสัญญานาสัญญายตนะ) แล้วทรงถอยลงมายังรูปฌานที่หนึ่งอีก แล้วก็เข้ารูปฌานที่สอง สาม สี่ ขณะจะก้าวพ้นรูปฌานที่สี่ ก้าวสู่อรูปฌาน ก็ในระหว่างรูปฌานและอรูปฌานนั้นแล
ที่เรารู้ว่าพระองค์เข้าฌานอะไร ไปถึงไหนจึงดับสนิทนั้น เพราะพระอนุรุทธเถระ ได้เข้าฌานตามพระพุทธองค์ แล้วได้บอกแก่พุทธบริษัททั้งหลายในภายหลัง
เมื่อพระพุทธองค์ "ทรงดับสนิท" แล้ว ท้าวสหัมบดีพรหมกล่าวคาถาแสดงธรรมสังเวชว่า "สัตว์ทั้งปวงทอดทิ้งร่างไว้ในโลก แม้พระบรมศาสดา ผู้ไม่มีใครเปรียบปาน ทรงสมบูรณ์ด้วยทศพลญาณ ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ยังดับสนิทแล้ว"
พระอนุรุทธะกล่าวคาถาว่า พระพุทธเจ้าผู้มั่นคง คงที่ ไม่หวั่นไหว ทรงหมดลมหายใจแล้ว พระมุนีเจ้าทรงทำกาละ (คือตาย) อย่างสงบแล้ว ระงับเวทนาได้ พระหทัยหลุดพ้น ทรงดับสนิทดุจเปลวประทีปดับฉะนั้น
พระอินทร์ได้กล่าวคาถาว่า "อนิจจา วะตะ สังขารา" เป็นต้น ดังกล่าวข้างต้น
ต่อมาในวงการพระศาสนาได้นำเอาคาถาบทนี้ มาเป็นคาถาพิจารณาบังสุกุล พูดง่ายๆ เป็นคาถาสำหรับ "ปลง" นั้นแหละครับ
แล้วก็มีผู้ค้นพบโดยบังเอิญว่า คาถานี้ปราบผีได้ชะงัดนักแล
ที่มา Matichon.Co.th
21 มกราคม 2558
19 มกราคม 2558
5 อันดับโรงแรมผีดุ ภาคใต้ (5/5)
5. โรงแกรมเก่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โรงแรมถัดมาเป็นโรงแรมวังใต้ c เรารู้กันดีว่าจังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติที่สวยงาม เป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวมากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมุ่งหน้าไปสู่เกาะสมุย ในตัวจังหวัดนั้นก็ไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่
โรงแรมที่พักแห่งนี้ดูค่อนข้างเก่า และอึมครึมนิดหน่อย และโรงแรมนี้จะไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตก เป็นที่โจษจันกันทั่วทั้งบริษัทหากเราไม่รู้ว่ามีแขกของโรงแรมคนหนึ่งเกิดคิดสั้น ฆ่าตัวตาย
"ประตูติดหนึบไม่สามารถเปิดได้"
เรื่องนี้แดงขึ้นหลังจากที่พนักงานของโรงแรมพยายามติดต่อโดยโทรศัพท์เข้าไปยังห้องพักของแขกผู้ล่วงลับผู้นั้น แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่เลยเวลาที่จะต้องเช็คเอาต์มานานแล้ว หัวหน้าพนักงานต้อนรับจึงตัดสินใจให้เบลบอยโรงแรมขึ้นไปเคาะประตูเพื่อเรียก เผื่อว่าแขกผู้นั้นจะนอนหลับสนิทจนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ สิ่งที่ได้รับคือ ความเงียบ
หลังจากที่พยายามเคาะเรียกอยู่นาน หัวหน้าพนักงานต้อนรับจึงตัดสินใจให้ทำการงัดประตู อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่โรงแรมจะลงมือทำกัน โดยได้รับความร่วมมือจากช่าง เบลบอย แม่บ้าน เมื่องัดประตูจนสามารถเผยอออกไปได้แล้ว ปรากฏว่ายังติดดับเบิ้ลล็อกด้านในอีก ฝ่ายช่างก็พยายามแงะตัวล็อกนั้นอย่างสุดความสามารถ ตอนนั้น ทุกคนมั่นใจแล้วว่า แขกท่านนี้ต้องอยู่ในห้องแน่ พร้อมภาวนาว่าขอให้นอนหลับอยู่บนเตียง ขณะเดียวกัน ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าห้องนั้นเฉลียวใจว่าประตูนั้นหนักผิดปรกติ
เมื่อช่างสามารถทำลายดับเบิ้ลล็อกตัวนั้นได้แล้ว จึงดันประตูเข้าไปอย่างแรง หมายจะเข้าไปดูว่าแขกผู้นั้นยังคงอยู่ดีในห้อง ทว่าดันเข้าไปได้เพียงนิดเดียวก็ติดหนึบ ไม่สามารถง้างประตูให้กว้างขึ้นอีกได้
"แขกคนนั้นผูกคอตาย"
ช่างเกิดเอะใจว่ามีอะไรมาขวางอยู่ด้านใน หรือว่าเป็นกระเป๋าของแขกท่านนั้น จะยังไงก็ตาม ช่างคนเดิม พร้อมกับหัวหน้าพนักงานต้อนรับพยามยามดันเข้าไป แม้จะยากเย็นแสนเข็ญ และสามารถขยับเขยื้อนได้ทีละนิดก็ตาม ในที่สุดประตูนั้นก็เปิดออกพอที่จะสามารถโผล่โชงกศีรษะเข้าไปดูข้างในนั้นได้ ว่ามีอะไรค้ำอยู่
สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาเขาผู้นั้นคือ เรือนร่างของแขกเจ้าของห้องนั่นเองที่ขวางอยู่ด้านใน โดยมีศีรษะเอียงห้อยอยู่ พร้อมกับเชือกมัดที่คอต่อตรงไปยังลูกบิดประตูด้านใน
เฮ้ย แขกผูกคอตาย เขาตะโกนเสียงหลง มือและปากสั่นเทา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นยังไม่เชื่อ นึกว่าเขาอำเล่น ช่างคนนั้นหมดแรงที่จะดันประตูเข้าไปอีกแล้ว แต่คนอื่นๆ ที่เหลือยังคงมีเรี่ยวแรงอยู่ จึงช่วยกันจนสำเร็จ
แล้วภาพที่ทุกคนเห็นก็เป็นภาพเดียวกับที่ช่างได้เห็นมาก่อนหน้านั้นเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว
"ปิดชั้นนั้นไม่ให้ใครพัก"
ก่อนที่ทุกคนจะทำอะไรมากไปกว่านั้น ตำรวจก็มาถึงพอดี แล้วเก็บหลักฐานเท่าที่เก็บได้ไปพิสูจน์ เท่าที่ทราบจากพนักงานโรงแรม แขกของโรงแรมผู้นั้นไม่ได้เขียนจดหมายระบายความในใจใดๆ ไว้เลย และโรงแรมจึงติดต่อทางบ้านเพื่อแจ้งข่าวและให้มาดำเนินการต่อไป ขอให้คุณไปสบายเถิดครับ
และเท่าที่รู้หลังจากเหตุการณ์นั้นคือ โรงแรมปิดชั้นนั้นทันทีในวันรุ่งขึ้น และเมื่อข่าวนี้รู้ถึงหูพวกเราชาวลูกเรือ ปรากฏว่าในช่วงใหม่ๆ นั้นพวกเราต่างหวาดผวา กลัวจะได้ไฟลต์ค้างที่โรงแรมแห่งนั้น ส่วนคนที่ได้ไฟลต์นั้น ก็จะชวนเพื่อนให้แลกไปด้วย หรือไม่ก็ชวนสามี ภรรยา หรือลูกให้ตามไปเที่ยวไปนอนเป็นเพื่อนด้วย หรือไม่ก็นั่งร้องเพลงอยู่ในคาราโอเกะ ต่อด้วยนั่งอยู่ในค็อฟฟีช็อปของโรงแรมจนถึงเช้า ที่กลัวมากหน่อยก็ยอมจ่ายเงินส่วนตัวไปนอนที่โรงแรมอื่น นั่นเป็นการแก้ปัญหาของคนขี้กลัว ทุกวันนี้เราก็ยังคงพักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ โดยยังไม่มีใครพบเห็นเหตุการณ์ผิดปรกติใดๆ เพียงแต่ว่า ถ้าเราได้ไฟลต์ค้างที่นั่น เราจะสงบปากสงบคำไม่พูดถึงเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดตลอดเส้นทางครับ
โรงแรมถัดมาเป็นโรงแรมวังใต้ c เรารู้กันดีว่าจังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติที่สวยงาม เป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวมากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมุ่งหน้าไปสู่เกาะสมุย ในตัวจังหวัดนั้นก็ไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่
โรงแรมที่พักแห่งนี้ดูค่อนข้างเก่า และอึมครึมนิดหน่อย และโรงแรมนี้จะไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตก เป็นที่โจษจันกันทั่วทั้งบริษัทหากเราไม่รู้ว่ามีแขกของโรงแรมคนหนึ่งเกิดคิดสั้น ฆ่าตัวตาย
"ประตูติดหนึบไม่สามารถเปิดได้"
เรื่องนี้แดงขึ้นหลังจากที่พนักงานของโรงแรมพยายามติดต่อโดยโทรศัพท์เข้าไปยังห้องพักของแขกผู้ล่วงลับผู้นั้น แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่เลยเวลาที่จะต้องเช็คเอาต์มานานแล้ว หัวหน้าพนักงานต้อนรับจึงตัดสินใจให้เบลบอยโรงแรมขึ้นไปเคาะประตูเพื่อเรียก เผื่อว่าแขกผู้นั้นจะนอนหลับสนิทจนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ สิ่งที่ได้รับคือ ความเงียบ
หลังจากที่พยายามเคาะเรียกอยู่นาน หัวหน้าพนักงานต้อนรับจึงตัดสินใจให้ทำการงัดประตู อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่โรงแรมจะลงมือทำกัน โดยได้รับความร่วมมือจากช่าง เบลบอย แม่บ้าน เมื่องัดประตูจนสามารถเผยอออกไปได้แล้ว ปรากฏว่ายังติดดับเบิ้ลล็อกด้านในอีก ฝ่ายช่างก็พยายามแงะตัวล็อกนั้นอย่างสุดความสามารถ ตอนนั้น ทุกคนมั่นใจแล้วว่า แขกท่านนี้ต้องอยู่ในห้องแน่ พร้อมภาวนาว่าขอให้นอนหลับอยู่บนเตียง ขณะเดียวกัน ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าห้องนั้นเฉลียวใจว่าประตูนั้นหนักผิดปรกติ
เมื่อช่างสามารถทำลายดับเบิ้ลล็อกตัวนั้นได้แล้ว จึงดันประตูเข้าไปอย่างแรง หมายจะเข้าไปดูว่าแขกผู้นั้นยังคงอยู่ดีในห้อง ทว่าดันเข้าไปได้เพียงนิดเดียวก็ติดหนึบ ไม่สามารถง้างประตูให้กว้างขึ้นอีกได้
"แขกคนนั้นผูกคอตาย"
ช่างเกิดเอะใจว่ามีอะไรมาขวางอยู่ด้านใน หรือว่าเป็นกระเป๋าของแขกท่านนั้น จะยังไงก็ตาม ช่างคนเดิม พร้อมกับหัวหน้าพนักงานต้อนรับพยามยามดันเข้าไป แม้จะยากเย็นแสนเข็ญ และสามารถขยับเขยื้อนได้ทีละนิดก็ตาม ในที่สุดประตูนั้นก็เปิดออกพอที่จะสามารถโผล่โชงกศีรษะเข้าไปดูข้างในนั้นได้ ว่ามีอะไรค้ำอยู่
สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาเขาผู้นั้นคือ เรือนร่างของแขกเจ้าของห้องนั่นเองที่ขวางอยู่ด้านใน โดยมีศีรษะเอียงห้อยอยู่ พร้อมกับเชือกมัดที่คอต่อตรงไปยังลูกบิดประตูด้านใน
เฮ้ย แขกผูกคอตาย เขาตะโกนเสียงหลง มือและปากสั่นเทา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นยังไม่เชื่อ นึกว่าเขาอำเล่น ช่างคนนั้นหมดแรงที่จะดันประตูเข้าไปอีกแล้ว แต่คนอื่นๆ ที่เหลือยังคงมีเรี่ยวแรงอยู่ จึงช่วยกันจนสำเร็จ
แล้วภาพที่ทุกคนเห็นก็เป็นภาพเดียวกับที่ช่างได้เห็นมาก่อนหน้านั้นเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว
"ปิดชั้นนั้นไม่ให้ใครพัก"
ก่อนที่ทุกคนจะทำอะไรมากไปกว่านั้น ตำรวจก็มาถึงพอดี แล้วเก็บหลักฐานเท่าที่เก็บได้ไปพิสูจน์ เท่าที่ทราบจากพนักงานโรงแรม แขกของโรงแรมผู้นั้นไม่ได้เขียนจดหมายระบายความในใจใดๆ ไว้เลย และโรงแรมจึงติดต่อทางบ้านเพื่อแจ้งข่าวและให้มาดำเนินการต่อไป ขอให้คุณไปสบายเถิดครับ
และเท่าที่รู้หลังจากเหตุการณ์นั้นคือ โรงแรมปิดชั้นนั้นทันทีในวันรุ่งขึ้น และเมื่อข่าวนี้รู้ถึงหูพวกเราชาวลูกเรือ ปรากฏว่าในช่วงใหม่ๆ นั้นพวกเราต่างหวาดผวา กลัวจะได้ไฟลต์ค้างที่โรงแรมแห่งนั้น ส่วนคนที่ได้ไฟลต์นั้น ก็จะชวนเพื่อนให้แลกไปด้วย หรือไม่ก็ชวนสามี ภรรยา หรือลูกให้ตามไปเที่ยวไปนอนเป็นเพื่อนด้วย หรือไม่ก็นั่งร้องเพลงอยู่ในคาราโอเกะ ต่อด้วยนั่งอยู่ในค็อฟฟีช็อปของโรงแรมจนถึงเช้า ที่กลัวมากหน่อยก็ยอมจ่ายเงินส่วนตัวไปนอนที่โรงแรมอื่น นั่นเป็นการแก้ปัญหาของคนขี้กลัว ทุกวันนี้เราก็ยังคงพักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ โดยยังไม่มีใครพบเห็นเหตุการณ์ผิดปรกติใดๆ เพียงแต่ว่า ถ้าเราได้ไฟลต์ค้างที่นั่น เราจะสงบปากสงบคำไม่พูดถึงเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดตลอดเส้นทางครับ
17 มกราคม 2558
5 อันดับโรงแรมผีดุ ภาคใต้ (4/5)
4. สัมมนาหลอน จังหวัดภูเก็ต
เล่าไปยังขนลุกอยู่เลย ใช้วิจารณญาณกันเองนะค่ะ
คือไปสัมนาที่ภูเก็ตสี่วันค่ะ พักที่โรงแรมแถวหาดป่าตอง จริงๆหลังสึนามิก้อไปดำน้ำภุเก็ตมาสามสี่ครั้ง ก้อไม่เคยเจออะไร งานนี้ไปกะหัวหน้าและภรรยาหัวหน้า โรงแรมก้อดูใหม่ดี ไม่เห็นน่าจะมีอะไร คืนแรกหัวหน้าเค้ามาเล่าให้ฟังว่า เค้าฝันว่ามีฝรั่ง สองคนมายืนจ้องหน้าห้องที่ผึ้งนอน แล้วอยู่ๆ ผึ้งก้อเปิดประตู แต่เหมือนผึ้งจะไม่ได้เห็นฝรั่งสองคนนั้น แล้วผึ้งก้อเดินร้องไห้ไปเคาะห้องเค้ากะภรรยา บอกว่าขอนอนด้วย ฝรั่งสองคนนี้เดินตามมา ยืนอยู่หน้าประตูห้องหัวหน้าแทนแต่ผึ้งก้อนอนหลับสบายดี ไม่มีอะไร จริงๆผึ้งเป็นคริสเตียนและไม่เคยเชื่อเรื่องผี ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณด้วย
ทางเดินออกจากห้องผึ้งมันก้อจะเป็นทางเดินยาวๆ และทุกครั้งที่เดินออกจากห้อง ผึ้งจะเดินสวนกะเด็กฝรั่งคนนึง อายุประมาณ 13,14 ผมแดง ตาสีฟ้า หล่อเชียว ใส่เสื้อสีดำ กะ กางเกงสีดำ เค้าดูอายๆ เดินเอาตัวเบียดทางเดินตลอดเลย ก้อไม่ได้คิดอะไร
จนกระทั่งวันที่ 4 เริ่มคิดว่าเราเจอเค้าบ่อยไปรึเปล่านะ ทำไมเราต้องเดินสวนเค้าตรงที่เดิมๆทุกที และทำไมเค้าไม่เคยเปลี่ยนเสื้อเลย ตอนแรกก้อคิดว่าคงเป็นลูกของฝรั่งซักคนที่เค้ามาสัมนากะเรา เพราะฉะนั้น ก้อเป็นไปได้มากที่เราจะเจอกันบ่อย เพราะเราก้อต้องกินข้าวพร้อมกัน ขึ้นรถคันเดียวกัน แต่ที่สงสัยก้อวันที่สี่ ผึ้งเกิดลงมา Lobby ขาลงมาก้อสวนกันอีกแล้ว พอขึ้นไปเอาของที่ห้อง แล้วเดินลงมาใหม่ ก้อเจออีก เอ๊ะ บ่อยไปแล้วมั้ง เลยเริ่มเช็คฝรั่งในกรุ๊ปของเรา ว่ามีใครเอาลูกมา และ กี่คน เดินดูหน้าทีละคน ก้อไม่เจอเด็กคนนี้เลย คนที่อยู่ห้องโวนเดียวกัน ก้อ ไม่มีใครเคยเห็นด้วย
เราอยู่ห้องเดิมหลายวัน เค้าก้อมีแม่บ้านมาก Make Up Room ให้ทุกวัน โดยเค้าจะมาช่วงสายๆตอนเราไม่อยู่ห้อง พอเบ่ายๆเรากลับมา ห้องก้อเรียบร้อยและ ห้องพักผึ้งติดสระว่ายน้ำค่ะ คือโดดลงสระจากระเบียงหน้าห้องได้เลย มี จากุซซี่ให้ด้วย บ่ายๆกลับมาถึงผึ้งก้อเปลียนชุดว่ายน้ำ เล่นนี้ทุกวัน ผ้าเช็ดตัวก้อใช้แล้ววางเกลื่อน นอกห้องมั่ง ในห้องมั่ง พาดเก้าอี่ตามประสาคนไม่เรียบร้อยอ่ะค่ะ แต่พอตอนเย็นออกไปกินข้าว กลับมาผ้าเช็ดตัวจะพับขอบ พาดไว้อย่างดีทุกทีเลย เนี๊ยบมากๆ สี่ผืน เรียงบนสองล่างสอง ปลายเท่ากันเป๊ะ แต่วิธีพับก้อไม่เหมือน Maid ทำนะค่ะ ไม่ได้กลับด้านยี่ห้อออก แต่เนี๊ยบกว่าอีก ผึ้งก้องง ว่าเอ๊ะ ทำไมเค้าเข้ามาทำห้องวันนึงหลายรอบเชียว ก้อเลยไปถามทางโรงแรม เค้าบอกว่าเปล่า แม่บ้านทำแค่คั้งเดียวตอนสาย ผึ้งถามทางแม่บ้านหลายคน เค้าก้อบอกว่าเปล่า ไม่มีใครเข้ามาทำเลย ชักไม่ดีซะแล้ว อาการหนักขนาดว่า ผึ้งเพิ่งอาบนำเสร็จ ผ้าเช็ดตัวพาดกะเก้าอี้ เดินออกห้องหัวหน้าแป๊ปเดียว แล้วกลับมา โอ มายก้อด ผ้ามันถูกแขวนไว้อย่างสวยงามในห้องน้ำอีกแล้ว ค่อนข้างชัวร์และ ว่าคืออะไร เลยไปลากภรรยาหัวหน้ามา แล้วบอกดูอะไรนี่ แล้วผึ้งก้อขยำผ้า เขวี้ยงลงพื้น แล้วปิดประตู ออกไปข้างนอกแป๊ปนึง กลับมา โอ้ว อีกแล้วครับ ภรรยาหัวหน้ากลัวมาก เลยให้ผึ้งไปนั่งอยู่ห้องเค้า พอหัวหน้ามาก้อบอกให้ช่วยไปดูห้องผึ้งหน่อย ผึ้งว่าแปลกๆ
หัวหน้าเค้าก้อเข้าไป ดูรวมๆไม่มีอะไร จะเดินออกแล้ว หันไปทางห้องน้ำ เห็นเด็กผู้ชายฝรั่ง เสื้อดำ ผมแดง กำลังยืนจับผ้าเช็ดตัวในห้องน้ำผึ้งอ่ะค่ะ แล้วเด็กคนนั้นก้อหันมามองหัวหน้า สบตากัน ก่อนที่หัวหน้าจะวิ่งกลับมาที่ห้อง เค้าบอกตอนวิ่งหันหลังกลับไปดู เด็กคนนั้นก้อเดินตามมาอ่ะค่ะ
เราสามคนเลยไปหา Hotel Manager ขอลงไปดู CCTV ภาพที่เห็นคือ หัวหน้าวิ่ง หันหลับมา แล้ววิ่งต่อ ไม่เห็นเด็กคนนั้นอ่ะค่ะ ก็รอไปจนถึงช่วงบ่ายๆที่ผึ้งก้อเจอเด็กคนนั้น ก้อเห็นผึ้งเดินผ่านทางเดินคนเดียวทุกครั้ง ไม่เคยเดินสวนกะใครเลย
แต่ผึ้งก้อยังเกรงใจหัวหน้า เพราะเค้ามาเป็นครอบครัว ถึงเค้าจะคะยั้นคะยอ ครั้นเราจะขอไปนอนห้องเค้าคืนนั้น ผึ้งก้อไม่อยากไปอ่ะค่ะ
สุดท้ายก้อพยายามนอนต่อไป แต่มันอึดอัดมาก ออกไปแช่น้ำ กลับเข้ามา ผ้าก้อถูกย้ายอีกแล้ว เครียดจนร้องไห้ สุดท้ายก้อเดินร้องไห้ไปขอนอนห้องเค้า จริงๆลืมเรื่องที่เค้าฝันคืนแรกไปแล้ว หัวหน้าเพิ่งบอกก่อนขึ้นเครื่องกลับมา ผึ้งใส่เสื้อกะกางเกงเหมือนที่เค้าฝันคืนแรกเป๊ะ
เข้าก่อนกลับตรงทางเดินตรงนั้นมีกลิ่นเหม็นคาวอะไรซักอย่างมาก ทั้งๆที่อยู่มาหลายวันก้อไม่เคยมี เราได้กลิ่นเหมือนกันทั้งสามคน
มีเท่านี้แหละค่ะ ตอนนี้ก้อยังไม่รู้ว่าควรทำยังไง เค้าอยากให้ผึ้งทำอะไร แล้วทำไมต้องมาพับผ้าให้ด้วย งง และ กลัวค่ะ ไปนอนก่อน
เล่าไปยังขนลุกอยู่เลย ใช้วิจารณญาณกันเองนะค่ะ
คือไปสัมนาที่ภูเก็ตสี่วันค่ะ พักที่โรงแรมแถวหาดป่าตอง จริงๆหลังสึนามิก้อไปดำน้ำภุเก็ตมาสามสี่ครั้ง ก้อไม่เคยเจออะไร งานนี้ไปกะหัวหน้าและภรรยาหัวหน้า โรงแรมก้อดูใหม่ดี ไม่เห็นน่าจะมีอะไร คืนแรกหัวหน้าเค้ามาเล่าให้ฟังว่า เค้าฝันว่ามีฝรั่ง สองคนมายืนจ้องหน้าห้องที่ผึ้งนอน แล้วอยู่ๆ ผึ้งก้อเปิดประตู แต่เหมือนผึ้งจะไม่ได้เห็นฝรั่งสองคนนั้น แล้วผึ้งก้อเดินร้องไห้ไปเคาะห้องเค้ากะภรรยา บอกว่าขอนอนด้วย ฝรั่งสองคนนี้เดินตามมา ยืนอยู่หน้าประตูห้องหัวหน้าแทนแต่ผึ้งก้อนอนหลับสบายดี ไม่มีอะไร จริงๆผึ้งเป็นคริสเตียนและไม่เคยเชื่อเรื่องผี ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณด้วย
ทางเดินออกจากห้องผึ้งมันก้อจะเป็นทางเดินยาวๆ และทุกครั้งที่เดินออกจากห้อง ผึ้งจะเดินสวนกะเด็กฝรั่งคนนึง อายุประมาณ 13,14 ผมแดง ตาสีฟ้า หล่อเชียว ใส่เสื้อสีดำ กะ กางเกงสีดำ เค้าดูอายๆ เดินเอาตัวเบียดทางเดินตลอดเลย ก้อไม่ได้คิดอะไร
จนกระทั่งวันที่ 4 เริ่มคิดว่าเราเจอเค้าบ่อยไปรึเปล่านะ ทำไมเราต้องเดินสวนเค้าตรงที่เดิมๆทุกที และทำไมเค้าไม่เคยเปลี่ยนเสื้อเลย ตอนแรกก้อคิดว่าคงเป็นลูกของฝรั่งซักคนที่เค้ามาสัมนากะเรา เพราะฉะนั้น ก้อเป็นไปได้มากที่เราจะเจอกันบ่อย เพราะเราก้อต้องกินข้าวพร้อมกัน ขึ้นรถคันเดียวกัน แต่ที่สงสัยก้อวันที่สี่ ผึ้งเกิดลงมา Lobby ขาลงมาก้อสวนกันอีกแล้ว พอขึ้นไปเอาของที่ห้อง แล้วเดินลงมาใหม่ ก้อเจออีก เอ๊ะ บ่อยไปแล้วมั้ง เลยเริ่มเช็คฝรั่งในกรุ๊ปของเรา ว่ามีใครเอาลูกมา และ กี่คน เดินดูหน้าทีละคน ก้อไม่เจอเด็กคนนี้เลย คนที่อยู่ห้องโวนเดียวกัน ก้อ ไม่มีใครเคยเห็นด้วย
เราอยู่ห้องเดิมหลายวัน เค้าก้อมีแม่บ้านมาก Make Up Room ให้ทุกวัน โดยเค้าจะมาช่วงสายๆตอนเราไม่อยู่ห้อง พอเบ่ายๆเรากลับมา ห้องก้อเรียบร้อยและ ห้องพักผึ้งติดสระว่ายน้ำค่ะ คือโดดลงสระจากระเบียงหน้าห้องได้เลย มี จากุซซี่ให้ด้วย บ่ายๆกลับมาถึงผึ้งก้อเปลียนชุดว่ายน้ำ เล่นนี้ทุกวัน ผ้าเช็ดตัวก้อใช้แล้ววางเกลื่อน นอกห้องมั่ง ในห้องมั่ง พาดเก้าอี่ตามประสาคนไม่เรียบร้อยอ่ะค่ะ แต่พอตอนเย็นออกไปกินข้าว กลับมาผ้าเช็ดตัวจะพับขอบ พาดไว้อย่างดีทุกทีเลย เนี๊ยบมากๆ สี่ผืน เรียงบนสองล่างสอง ปลายเท่ากันเป๊ะ แต่วิธีพับก้อไม่เหมือน Maid ทำนะค่ะ ไม่ได้กลับด้านยี่ห้อออก แต่เนี๊ยบกว่าอีก ผึ้งก้องง ว่าเอ๊ะ ทำไมเค้าเข้ามาทำห้องวันนึงหลายรอบเชียว ก้อเลยไปถามทางโรงแรม เค้าบอกว่าเปล่า แม่บ้านทำแค่คั้งเดียวตอนสาย ผึ้งถามทางแม่บ้านหลายคน เค้าก้อบอกว่าเปล่า ไม่มีใครเข้ามาทำเลย ชักไม่ดีซะแล้ว อาการหนักขนาดว่า ผึ้งเพิ่งอาบนำเสร็จ ผ้าเช็ดตัวพาดกะเก้าอี้ เดินออกห้องหัวหน้าแป๊ปเดียว แล้วกลับมา โอ มายก้อด ผ้ามันถูกแขวนไว้อย่างสวยงามในห้องน้ำอีกแล้ว ค่อนข้างชัวร์และ ว่าคืออะไร เลยไปลากภรรยาหัวหน้ามา แล้วบอกดูอะไรนี่ แล้วผึ้งก้อขยำผ้า เขวี้ยงลงพื้น แล้วปิดประตู ออกไปข้างนอกแป๊ปนึง กลับมา โอ้ว อีกแล้วครับ ภรรยาหัวหน้ากลัวมาก เลยให้ผึ้งไปนั่งอยู่ห้องเค้า พอหัวหน้ามาก้อบอกให้ช่วยไปดูห้องผึ้งหน่อย ผึ้งว่าแปลกๆ
หัวหน้าเค้าก้อเข้าไป ดูรวมๆไม่มีอะไร จะเดินออกแล้ว หันไปทางห้องน้ำ เห็นเด็กผู้ชายฝรั่ง เสื้อดำ ผมแดง กำลังยืนจับผ้าเช็ดตัวในห้องน้ำผึ้งอ่ะค่ะ แล้วเด็กคนนั้นก้อหันมามองหัวหน้า สบตากัน ก่อนที่หัวหน้าจะวิ่งกลับมาที่ห้อง เค้าบอกตอนวิ่งหันหลังกลับไปดู เด็กคนนั้นก้อเดินตามมาอ่ะค่ะ
เราสามคนเลยไปหา Hotel Manager ขอลงไปดู CCTV ภาพที่เห็นคือ หัวหน้าวิ่ง หันหลับมา แล้ววิ่งต่อ ไม่เห็นเด็กคนนั้นอ่ะค่ะ ก็รอไปจนถึงช่วงบ่ายๆที่ผึ้งก้อเจอเด็กคนนั้น ก้อเห็นผึ้งเดินผ่านทางเดินคนเดียวทุกครั้ง ไม่เคยเดินสวนกะใครเลย
แต่ผึ้งก้อยังเกรงใจหัวหน้า เพราะเค้ามาเป็นครอบครัว ถึงเค้าจะคะยั้นคะยอ ครั้นเราจะขอไปนอนห้องเค้าคืนนั้น ผึ้งก้อไม่อยากไปอ่ะค่ะ
สุดท้ายก้อพยายามนอนต่อไป แต่มันอึดอัดมาก ออกไปแช่น้ำ กลับเข้ามา ผ้าก้อถูกย้ายอีกแล้ว เครียดจนร้องไห้ สุดท้ายก้อเดินร้องไห้ไปขอนอนห้องเค้า จริงๆลืมเรื่องที่เค้าฝันคืนแรกไปแล้ว หัวหน้าเพิ่งบอกก่อนขึ้นเครื่องกลับมา ผึ้งใส่เสื้อกะกางเกงเหมือนที่เค้าฝันคืนแรกเป๊ะ
เข้าก่อนกลับตรงทางเดินตรงนั้นมีกลิ่นเหม็นคาวอะไรซักอย่างมาก ทั้งๆที่อยู่มาหลายวันก้อไม่เคยมี เราได้กลิ่นเหมือนกันทั้งสามคน
มีเท่านี้แหละค่ะ ตอนนี้ก้อยังไม่รู้ว่าควรทำยังไง เค้าอยากให้ผึ้งทำอะไร แล้วทำไมต้องมาพับผ้าให้ด้วย งง และ กลัวค่ะ ไปนอนก่อน
15 มกราคม 2558
5 อันดับโรงแรมผีดุ ภาคใต้ (3/5)
โรงแรมหลอน ห้อง 519 ภูเก็ต
สวัสดีครับ เหตุการณ์ที่ผมจะเล่านี้เกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต เกิดขึ้นประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านมา ผมเนี่ยไม่ได้เจอเองครับ แต่เป็นเพื่อนเล่าให้ฟัง คือตอนนั้นเรานัดกันไปเที่ยวภูเก็ตซัก 2-3 วัน พวกผมก็ไปเปิดห้องที่โรงแรมหนึ่งซึ่งเป็นห้องหมายเลข 518 และ 519 พอไปถึงภูเก็ตพวกเราก็ไปเที่ยวกันจนถึงเย็นและไปหาอะไรกินกัน แต่เพื่อนผมคนหนึ่งเนี่ยไม่สบายปวดหัว จึงขอนอนพักที่ห้องและได้ฝากกุญแจไว้ที่ล็อบบี้
พวกผมก็ไปเที่ยวผับกัน จนเวลาประมาณตี 2 เพื่อนผมที่ไม่สบายเนี่ยก็โทรมาบอกผมว่า เห้ยอย่าแกล้งกันสิ มาเคาะประตูอะไร พวกผมก็งงใครแกล้งอะไร ก็ยังอยู่ในผับกันหมด พอถึงเวลาประมาณตี 4 ผมก็กลับมาถึงโรงแรม มาเอากุญแจที่ล็อบบี้และขึ้นไปบนห้อง
พอขึ้นไปถึงห้องก็เปิดประตูเข้าไป พวกผมเห็นเพื่อนที่ไม่สบายเนี่ยนอนหมดสติอยู่ ผมก็ตกใจและเรียกพนักงานมาให้ติดต่อโรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาลก็รักษาอะไรไปปกติ พอถึงตอนเช้าเพื่อนผมก็ฟื้น พวกผมก็ถามว่าเป็นอะไร
เพื่อนผมก็บอกว่า เมื่อคือตอนที่พวกผมเนี่ยไปเที่ยว เพื่อนผมก็อาบน้ำและจะเข้านอน เพื่อนผมก็รู้สึกว่ามีคนมาเคาะประตู มันก็รีบเช็ดตัวและเปิดประตูไปดูว่าใคร ก็ไม่เจอใครและก็ปิดประตู แล้วมันก็มาใส่ชุดนอนและปิดทีวีกำลังจะนอนก็มีคนมาเคาะอีก มันก็เดินไปดูก็ไม่มีใครออก มันก็คิดว่าผมเนี่ยกลับมาแล้วแล้วก็ไปแกล้งมัน
พอซักพักมันก็ล้มตัวลงนอนก็มีเสียงมาเคาะประตูอีก ทีนี้เพื่อนผมเนี่ยก็โทรหาผมแล้วก็บอกว่าอย่าแกล้งกันอย่างที่ผมเล่าไปข้างต้น
พอวางสายได้ซักพักก็มีคนมาเคาะประตูอีก เพื่อนผมมันก็เริ่มโมโหแล้วเลยโทรไปที่โอเปอร์เรเตอร์แล้วบอกว่ามีคนมาแกล้งเคาะประตู ให้น้องพนักงานช่วยดูหน่อย เขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะดูให้ พอซักพักก็โทรกลับมาและบอกว่าให้รปภ.มาดูแล้ว มายืนเป็นชั่วโมงก็ไม่เห็นมีใคร
พอหลังจากโอเปอร์เรเตอร์วางสายซักพักก็มีคนมาเคาะอีก เพื่อนผมก็โมโหจัดแล้วเลยถอดโคมไฟที่หัวเตียงออก เอาไม้ในโคมไฟมา แล้วก็เอาเก้าอี้มาติดประตู มันก็ไปยืนบนเก้าอี้และก็กดให้พัดลมที่ปรับอากาศหยุดหมุนเพื่อจะมองผ่านช่องพัดลมว่าใครมาแกล้ง ในมือก็ถือไม้เตรียมไว้แล้ว เพื่อนผมก็มองไปซักพักก็มีกลิ่นมา กลิ่นเนี่ยเหม็นสาปมาก เหมือนคนไม่อาบน้ำนาน ๆ ลอยมาตามลม แล้วเพื่อนผมก็เห็นทางหางตาขวาว่ามีผู้หญิงในชุดสีดำแขนสั้น ผมยาว เขาคลานมา!! คลานมาตั้งแต่สุดทางด้านขวาในลักษณะก้มหน้า คลานมาเรื่อย ๆ ด้วยอารมณ์โมโหเพื่อนผมก็ไม่ได้ใส่ใจ ก็คิดแค่ว่ามาคลานทำบ้าอะไร ว่างมากรึไง
มันก็ยังมองผู้หญิงคนนั้นต่อ เสียงเล็บลองผู้หญิงคนนั้นที่ขูดกับพรหมมันดังแครก.... แครก.... เสียดเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ผู้หญิงคนนั้นก็คลานมาเรื่อย ๆ .... จนมาหยุดอยู่หน้าห้องเพื่อนผม พอมาถึงห้องเพื่อนผมผู้หญิงคนนั้นก็เคาะประตูหน้าห้องเพื่อนผม เพื่อนผมเนี่ยมันก็อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองอยู่อย่างนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็คลานผ่านไป แล้วก็วนกลับมาห้องมันอีกที แล้วก็เคาะอีก แล้วก็คลานต่อไปอีก
แต่จังหวะที่กำลังจะคลานผ่านช่องพัดลมที่เพื่อนผมมันยืนมองอยู่เนี่ย ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง....
สิ่งที่เพื่อนผมเห็นคือตั้งแต่ปากไปจนถึงคางหายไป!! สภาพที่เห็นคือมีผม มีหน้าผาก มีตา มีจมูก แต่ช่วงปากลงไปไม่มีเลย แล้วลิ้นเนี่ยก็ห้อยติดอยู่กับลำคอ แค่นั้นแหละครับเพื่อนผมก็วูบหมดสติไปเลย พอฟื้นมาตอนเช้าก็เห็นพวกผม
หลังจากนั้นพวกผมก็ไปวัด กลับมาเช็คเอาท์และได้ถามพนักงาน พนักงานทุกคนก็ยืนยันกันหมดว่าไม่ทราบ และไม่มีอะไร
พอพวกผมออกมาก็เห็นลุงท่าทางมีอายุยืนขายของอยู่หน้าโรงแรม พวกผมก็เดินเข้าไปถาม ลุงคนนั้นก็ก้มหน้าก้มตาไม่คุยกับพวกเราเลย แล้วพวกผมก็เดินทางกลับและไม่ได้ไปเที่ยวแถวนั้นอีกเลย เรื่องก็มีเท่านี้ครับ
สวัสดีครับ เหตุการณ์ที่ผมจะเล่านี้เกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต เกิดขึ้นประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านมา ผมเนี่ยไม่ได้เจอเองครับ แต่เป็นเพื่อนเล่าให้ฟัง คือตอนนั้นเรานัดกันไปเที่ยวภูเก็ตซัก 2-3 วัน พวกผมก็ไปเปิดห้องที่โรงแรมหนึ่งซึ่งเป็นห้องหมายเลข 518 และ 519 พอไปถึงภูเก็ตพวกเราก็ไปเที่ยวกันจนถึงเย็นและไปหาอะไรกินกัน แต่เพื่อนผมคนหนึ่งเนี่ยไม่สบายปวดหัว จึงขอนอนพักที่ห้องและได้ฝากกุญแจไว้ที่ล็อบบี้
พวกผมก็ไปเที่ยวผับกัน จนเวลาประมาณตี 2 เพื่อนผมที่ไม่สบายเนี่ยก็โทรมาบอกผมว่า เห้ยอย่าแกล้งกันสิ มาเคาะประตูอะไร พวกผมก็งงใครแกล้งอะไร ก็ยังอยู่ในผับกันหมด พอถึงเวลาประมาณตี 4 ผมก็กลับมาถึงโรงแรม มาเอากุญแจที่ล็อบบี้และขึ้นไปบนห้อง
พอขึ้นไปถึงห้องก็เปิดประตูเข้าไป พวกผมเห็นเพื่อนที่ไม่สบายเนี่ยนอนหมดสติอยู่ ผมก็ตกใจและเรียกพนักงานมาให้ติดต่อโรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาลก็รักษาอะไรไปปกติ พอถึงตอนเช้าเพื่อนผมก็ฟื้น พวกผมก็ถามว่าเป็นอะไร
เพื่อนผมก็บอกว่า เมื่อคือตอนที่พวกผมเนี่ยไปเที่ยว เพื่อนผมก็อาบน้ำและจะเข้านอน เพื่อนผมก็รู้สึกว่ามีคนมาเคาะประตู มันก็รีบเช็ดตัวและเปิดประตูไปดูว่าใคร ก็ไม่เจอใครและก็ปิดประตู แล้วมันก็มาใส่ชุดนอนและปิดทีวีกำลังจะนอนก็มีคนมาเคาะอีก มันก็เดินไปดูก็ไม่มีใครออก มันก็คิดว่าผมเนี่ยกลับมาแล้วแล้วก็ไปแกล้งมัน
พอซักพักมันก็ล้มตัวลงนอนก็มีเสียงมาเคาะประตูอีก ทีนี้เพื่อนผมเนี่ยก็โทรหาผมแล้วก็บอกว่าอย่าแกล้งกันอย่างที่ผมเล่าไปข้างต้น
พอวางสายได้ซักพักก็มีคนมาเคาะประตูอีก เพื่อนผมมันก็เริ่มโมโหแล้วเลยโทรไปที่โอเปอร์เรเตอร์แล้วบอกว่ามีคนมาแกล้งเคาะประตู ให้น้องพนักงานช่วยดูหน่อย เขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะดูให้ พอซักพักก็โทรกลับมาและบอกว่าให้รปภ.มาดูแล้ว มายืนเป็นชั่วโมงก็ไม่เห็นมีใคร
พอหลังจากโอเปอร์เรเตอร์วางสายซักพักก็มีคนมาเคาะอีก เพื่อนผมก็โมโหจัดแล้วเลยถอดโคมไฟที่หัวเตียงออก เอาไม้ในโคมไฟมา แล้วก็เอาเก้าอี้มาติดประตู มันก็ไปยืนบนเก้าอี้และก็กดให้พัดลมที่ปรับอากาศหยุดหมุนเพื่อจะมองผ่านช่องพัดลมว่าใครมาแกล้ง ในมือก็ถือไม้เตรียมไว้แล้ว เพื่อนผมก็มองไปซักพักก็มีกลิ่นมา กลิ่นเนี่ยเหม็นสาปมาก เหมือนคนไม่อาบน้ำนาน ๆ ลอยมาตามลม แล้วเพื่อนผมก็เห็นทางหางตาขวาว่ามีผู้หญิงในชุดสีดำแขนสั้น ผมยาว เขาคลานมา!! คลานมาตั้งแต่สุดทางด้านขวาในลักษณะก้มหน้า คลานมาเรื่อย ๆ ด้วยอารมณ์โมโหเพื่อนผมก็ไม่ได้ใส่ใจ ก็คิดแค่ว่ามาคลานทำบ้าอะไร ว่างมากรึไง
มันก็ยังมองผู้หญิงคนนั้นต่อ เสียงเล็บลองผู้หญิงคนนั้นที่ขูดกับพรหมมันดังแครก.... แครก.... เสียดเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ผู้หญิงคนนั้นก็คลานมาเรื่อย ๆ .... จนมาหยุดอยู่หน้าห้องเพื่อนผม พอมาถึงห้องเพื่อนผมผู้หญิงคนนั้นก็เคาะประตูหน้าห้องเพื่อนผม เพื่อนผมเนี่ยมันก็อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองอยู่อย่างนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็คลานผ่านไป แล้วก็วนกลับมาห้องมันอีกที แล้วก็เคาะอีก แล้วก็คลานต่อไปอีก
แต่จังหวะที่กำลังจะคลานผ่านช่องพัดลมที่เพื่อนผมมันยืนมองอยู่เนี่ย ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง....
สิ่งที่เพื่อนผมเห็นคือตั้งแต่ปากไปจนถึงคางหายไป!! สภาพที่เห็นคือมีผม มีหน้าผาก มีตา มีจมูก แต่ช่วงปากลงไปไม่มีเลย แล้วลิ้นเนี่ยก็ห้อยติดอยู่กับลำคอ แค่นั้นแหละครับเพื่อนผมก็วูบหมดสติไปเลย พอฟื้นมาตอนเช้าก็เห็นพวกผม
หลังจากนั้นพวกผมก็ไปวัด กลับมาเช็คเอาท์และได้ถามพนักงาน พนักงานทุกคนก็ยืนยันกันหมดว่าไม่ทราบ และไม่มีอะไร
พอพวกผมออกมาก็เห็นลุงท่าทางมีอายุยืนขายของอยู่หน้าโรงแรม พวกผมก็เดินเข้าไปถาม ลุงคนนั้นก็ก้มหน้าก้มตาไม่คุยกับพวกเราเลย แล้วพวกผมก็เดินทางกลับและไม่ได้ไปเที่ยวแถวนั้นอีกเลย เรื่องก็มีเท่านี้ครับ
13 มกราคม 2558
5 อันดับโรงแรมผีดุ ภาคใต้ (2/5)
2. ตำนาน ผีช่องแอร์ หาดใหญ่
เรื่องมันเริ่มต้น เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหาดใหญ่ โดยโรงแรมนี้จะมีสถานบันเทิงอยู่ข้างล่าง แล้วกลุ่มวัยรุ่น 6 คนที่พบเจอเหตุการณ์นี้ ก็เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่แวะเวียนมาแสดงที่โรงแรมแห่งนี้...
ปกติเมื่อแสดงดนตรี เสร็จ ทางโรงแรมก็จะจัดห้องให้ทั้ง 6 คนนี้ได้พักผ่อนในคืนนั้น หากคิวของโรงแรมนั้นเป็นแห่งสุดท้าย สำหรับการเล่นดนตรีในแต่ล่ะคืนนั้น....
เหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างปกติ ไม่มีอะไร... ....
จนกระทั่งมาถึงคืนหนึ่ง .....เมื่อวงดนตรีกลุ่มนี้เล่นเสร็จแล้ว ทางโรงแรมได้มาแจ้งกับพวกเค้าว่า ห้องพักเต็ม...แต่พอคุยกันไปมา....ทางโรงแรมเห็นว่า ไม่น่ามีอะไรและเด็กเหล่านี้ก็เหมือนคุ้นเคยขาประจำ เลยบอกมาว่ามีห้องๆหนึ่งว่าง แล้วก็ให้พนักงานนำทางไปพร้อม กุญแจห้อง ไขสู่ประตูห้องที่มีหมายเลขห้อง ๔๐๙ เมื่อทั้ง 6 คนได้เข้ามาแล้ว ก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ ก็มานั่งล้อมวงเล่นไพ่กัน.....ก็เล่นไปซักพัก 1 ใน 6 คนนั้นก็ มองอะไรไปเรื่อย จนไปสะดุดเข้ากับ ผ้าริ้วขาว พลิ้วสะบัดไปมาตาม แรงลมของช่องแอร์ที่กำลังเป่านั้น....ด้วยความรำคาญหรืออะไรมิทราบได้ เจ้าคนนั้นจึงลุกออกมา แล้วลากเก้าอี้เพื่อที่จะได้ยื่นมือไปดึงเอาผ้าริ้วสีขาว นั้นออก....ในขณะที่เค้าต้องดึงตะแกรงที่ปิดช่องแอร์ออกก่อน ซึ่งในตอนนั้นสายตาของเค้าก็ยังมองมายังกลุ่มเพื่อนที่นั่งเล่นไพ่อยู่ พอเค้าวางตะแกรงลงและกำลังจะเงยหน้าไปหยิบผ้าริ้วสีขาวผืนนั้นออก....สายตาข อง เค้าก็ไปเจอเข้ากับอะไรอย่างหนึ่ง....เค้านิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง...แล้วก็ค่อยๆ ลง มาจากเก้าอี้ที่เค้ายืนอยู่ ในลักษณะถอยหลัง ค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกไป แล้วก็ค่อยหันหลังเดินออกจากห้องไป....เพื่อนๆในกลุ่มที่เล่นไพ่กันอยู่ก็งง บางคนในนั้นก็ตะโกน "เฮ้ยยยยย!!!!!".... ....แต่เพื่อนๆ ก็นั่งเล่นไพ่กันต่อ เพราะไม่ทราบว่าเกิดอะไร และก็ขี้เกียจเดา ...แต่ด้วยอะไรไม่ทราบได้ 1 ในกลุ่มที่เหลือ ก็พูดขึ้นมาว่า " เออ เดี๋ยวข้าลุกไปปิดตะแกรงให้ "...แล้วก็บ่น ๆ ว่าเจ้าเพื่อนคนที่ออกไปคนแรกทำไมไม่ปิด น่ะ ...เมื่อเขาลุกออกไป ก็ ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ที่ยังตั้งอยู่ตรงนั้น เมื่อเขาค่อยเงยหน้าขึ้นดู เพื่อให้รู้ว่าร่องที่จะวางตะแกรงนี่ต้องวางมุมไหน ยังไง...และในขณะที่เขาค่อยเงยหน้าและยืดตัวขึ้นไปดูนั้น ... ดวงตาเขาก็ไปเจอกับอะไรบางอย่าง....แล้วเขาก็นิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักนึง... ก็ ค่อยลงจากเก้าอี้มา และค่อยๆเดินออกไปจากห้อง.... ....เพื่อน ๆ ก็งง กันอีก เออเค้าเป็นอะไรของเค้าน่ะ ...ทีนี้ในกลุ่มก็เหลือ 4 คน นั่งเล่นไพ่กันต่อไป......พอหมดตานึง คนที่ 3 ก็ลุกออกไปจะไปปิดตะแกรงแอร์ให้เรียบร้อย ...จะได้มาเล่นต่ออย่างสบายใจ ...และก็เหมือนกับปฏิกิริยาของ 2 คนแรก คนที่ 3 และคนที่ 4 ก็เป็นเหมือนกัน และค่อยๆเดินออกจากห้องไปเหมือนกัน........เอาหล่ะสิ....ทีนี้ก็เหลือในห้อง แค ่ 2 คน ก็เล่นไม่สนุกแล้ว (และ 1 ใน 2 คนนั้นคือคนที่รอดชีวิตมาเล่าเรื่องราวให้พวกเราได้ฟังกัน) ทั้ง 2 ก็เลยชวนกันออกไปล๊อบบี้โรงแรม ดีกว่า เผื่อเจอเพื่อน ๆ ที่ลงไปก่อนหน้านี้แล้ว...แต่ ...แต่ก่อนออกไป ทั้ง 2 ต้องการ ปิดตะแกรงของช่องแอร์ให้เรียบร้อยก่อน...แล้วก็ให้คนนึงจับเก้าอี้ และคนที่มาเล่าในรายการเป็นคนขึ้นไปบนเก้าอี้ แล้วพอกำลังจะเอาตะแกรงเข้าไปปิดช่องแอร์เท่านั้น....ทั้งสองก็เห็นภาพเหมือ นก ันคือ....เป็นเหมือนภาพของศรีษะของผู้หญิงคนหนึ่งชะโงก หน้าลงมาจากช่องแอร์และมองด้วยสายตาที่เคียดแค้น จ้องมองมาที่ทั้ง 2 คนนั้น.... เค้ายังพอมองเห็นว่า เส้นผมยาวๆของผู้หญิงคนนั้น ถูกผูกติดไว้กับเหล็กที่อยู่ข้างในช่องแอร์นั้น....เมื่อเห็นภาพนั้น ทั้ง คนจึงค่อยเดินถอยหลังออกไป แล้ว 1 ในคนนั้นก็พยายามจับแขนอีกคนหนึ่งไว้แล้วบอกว่า "อย่าวิ่ง!!!! .." เพราะถ้าวิ่งนี่ เตลิดแน่นอน เพราะตอนนั้นจิตกระเจิงไปหมดแล้ว..จึงค่อย เดินลงมาจนมาสมทบกระกลุ่มเพื่อนข้างล่าง.... ....พอเจอกัน ต่างมองหน้ากัน..และ 1 ในนั้นก็ถาม "พวกแกทำไมไม่บอก พวกเราน่ะว่าเจออะไรกัน..." ... ไม่มีเสียงตอบจากคนใดในหลุ่มนั้น > > ...ทั้งหมดจึง ไปถามหาจากคนของโรงแรมว่า ที่ห้อง 409 นั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ทำไมพวกเค้าเจอเหตุการณ์อย่างที่เล่ามานี้ เหมือนกันหมดทุกคน และก็มีคนนึงในโรงแรมนั้นเล่าให้ฟังว่า......เมื่อหลายปีก่อนมีผู้หญิงคนหนึ ่ง ซึ่งเป็นผู้หญิง off และถูกพาไปห้องโดยแขก เหมือนจะเป็นชาวมาเลย์....และด้วยมีเรื่องอะไรกันไม่ทราบได้....ในตอนเช้า พบเธอเป็นศพ สภาพที่หัวถูกตัดหายไป โดยที่ตัวถูกหมกไว้ใต้เตียง....ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามหาส่วนที่เป็นหัวอยู่ นา นก็ไม่เจอ......ก็เลยเลิกหา แล้วก็กลับไป...จนหลายวันต่อมา แอร์ห้องนั้นเริ่มมีกลิ่น เพราะแขกที่มาพักห้องข้างๆ ได้กลิ่น จึงแจ้งพนักงานโรงแรม...แล้วก็หาจนได้ที่มาของกลิ่น นั่นก็คือ ศรีษะของผู้หญิงคนนั้นถูกตัดออกมา แล้วก็นำชุดขาวที่เธอใส่มา ห่อหรือพันส่วนที่เป็นคอที่ถูกตัดไว้ แล้วใช้เส้นผมของเธอเอง ผู้กไว้กับแกนเหล็กข้างในช่องแอร์อีกที........และห้องนั้นก็ถูกทางโรงแรมปิ ดต ายไป! ......เพราะฉนั้นสิ่งที่ 6 คนนั้นเจอ เรียกได้ว่าเป็น ภาพ หรือ ภาพหลอน หรือผีหลอกนั่นเอง...... > > ...หลังจากนนั้นทั้ง 6 คนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และก็ดำเนินชีวิตปกติ......แต่หลังจาก 3 วันถัดจากที่พวกเค้าเจอเหตุการณ์ เพื่อนของเค้า คือ คนแรกที่เป็นคนต้นคิดไปเปิดตะแกรงเพื่อเอาผ้าริ้วสีขาวๆออก ..ได้เสียชีวิตลง โดยเหมือนคุยกับแฟนตกลงอะไรกันอยู่ ส่วนเพื่อนก็นั่งดูอยู่ห่างๆ แต่ซักพัก เพื่อนคนนั้นก็ยิงหัวตัวเองตาย........ต่อหน้าต่อตาเพื่อน และแฟน....โดยที่เพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนไม่มีปัญหาอะไรเลย สนุกสนานร่าเริง ...นี่คือศพแรก และเป็นคนแรกที่เริ่มเปิดตะแกรงช่องแอร์นั้นออกมา...... ....หลังจากนั้นในวันถัดมาเพื่อนอีกคน คือคนที่ 2 ที่จะลุกไปปิดตะแกรงก็ตายโดยอุบัติเหตุ....จากการขับรถ.....และในขณะที่กำลั งจ ัดงานศพเพื่อนๆ อยู่นั้น ปารกฏว่ามีคนนึงหายไป คนที่มาเล่าในรายการ เลยไปตามหาถึงที่ห้อง..ปรากฏว่าเขาผูกคอตายอยู่กับหน้าต่าง โดยที่ตัวเค้าก็ถึงพื้นหน้า มือก็ถึงพื้น แต่สภาพใบหน้าคือ ดวงตาเบิกโพลง....เหมือนตกใจสุดขีด...........คล้อยหลังอีกไม่นาน ก็คนที่ โดยอุบัติเหตุทางรถเช่นเดียวกัน > > ....ภายในเวลาไม่ถึง 7 วันเพื่อน ๆ ในกลุ่มเขาตายอย่างกระทันหันถึง 4 คน......จนทำให้ 1 ใน 2 คนที่เหลือฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า มันจะเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ที่พวกเค้าเจอที่โรงแรมนั้นหรือ เปล่า.... ...ทั้ง 2 คนที่เหลือเลยไปหาพระที่วัด....แล้วพระก็ทักว่า เพิ่งเสียของรัก หรือคนที่เรารักไปหลายคนใช่ไหม.........แล้วก็บอกไปอีกว่า เป็นผู้หญิง...ทั้ง 2 คนก็งง แต่พระท่านหมายถึงผู้หญิง... หน่ะ มากับโยมด้วย ตอนนี้ก็มา...โดยนั่งอยู่ข้างหลัง.....ทั้ง 2 หันไปแต่ก็ไม่เจอใคร.....พระท่านก็บอกว่า เธออาฆาต......แล้วทั้งทางครอบครัวของ ทั้ง 2 คนเลย ขอให้พระท่านจัดทำพิธีบังสกุลเป็น ให้ทั้งคู่ ........หวังว่าจะได้รอดพ้นหรือผ่อนหนักเป็นเบา ......แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ ก็มานั่งคุยกันว่า...เออ ใครจะไปก่อนน่ะ....อีกคนเลยบอกว่าจะไปต่างประเทศ....แล้วหลังจากวันนั้นทั้ง คู ่ก็แยกกันไป.....จนคนที่มาเล่าในรายการเมื่อคืน อยู่ ๆ ก็โดนใครที่ไหนไม่รู้วิ่งเอามีดมาแทง ๆ ๆๆ โดยที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนเลย.....จนต้องเข้าโรงบาลไป... (พอมาถึงช่วงนี้...เขาก็เปิดให้ดูรอยแผลเป็นจากการโดนแทง) ....เขาระบุวันเวลาอย่างแม่นยำ เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ว่าเขาโดนแทงวันไหนเวลาอะไร เพราะอีกวันถัดมาเค้าให้เพื่อนโทรทางไกลไปหา เพื่อนคนที่อยู่เมืองนอก...เพื่อนคนนั้นก็บอกว่า โดนเหมือนกัน นี่กำลังนอนที่ รพ.อยู่ เพราะรถไปพลิกคว่ำลงข้างทาง....โดยเขาเล่าว่า มีผู้หญิงผมยาวๆ มาตัดหน้าแล้วเค้าหักหลบ..... ...และเหตุการณ์ก็ผ่านไป..........ทั้งคู่ยังอยู่ดี มาจนถึงทุกวันนี้ และ 1 ใน 2 คนนั้นก็ได้มีโอกาสมาเล่าผ่านทางรายการวิทยุ ของคุณ ป๋องก่อน รายการ Shockfm ...แล้วเรื่องนี้ก็เป็นที่ฮือฮากันมาก และถูกโหวตให้เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในรอบหลายๆ
เรื่องมันเริ่มต้น เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหาดใหญ่ โดยโรงแรมนี้จะมีสถานบันเทิงอยู่ข้างล่าง แล้วกลุ่มวัยรุ่น 6 คนที่พบเจอเหตุการณ์นี้ ก็เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่แวะเวียนมาแสดงที่โรงแรมแห่งนี้...
ปกติเมื่อแสดงดนตรี เสร็จ ทางโรงแรมก็จะจัดห้องให้ทั้ง 6 คนนี้ได้พักผ่อนในคืนนั้น หากคิวของโรงแรมนั้นเป็นแห่งสุดท้าย สำหรับการเล่นดนตรีในแต่ล่ะคืนนั้น....
เหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างปกติ ไม่มีอะไร... ....
จนกระทั่งมาถึงคืนหนึ่ง .....เมื่อวงดนตรีกลุ่มนี้เล่นเสร็จแล้ว ทางโรงแรมได้มาแจ้งกับพวกเค้าว่า ห้องพักเต็ม...แต่พอคุยกันไปมา....ทางโรงแรมเห็นว่า ไม่น่ามีอะไรและเด็กเหล่านี้ก็เหมือนคุ้นเคยขาประจำ เลยบอกมาว่ามีห้องๆหนึ่งว่าง แล้วก็ให้พนักงานนำทางไปพร้อม กุญแจห้อง ไขสู่ประตูห้องที่มีหมายเลขห้อง ๔๐๙ เมื่อทั้ง 6 คนได้เข้ามาแล้ว ก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ ก็มานั่งล้อมวงเล่นไพ่กัน.....ก็เล่นไปซักพัก 1 ใน 6 คนนั้นก็ มองอะไรไปเรื่อย จนไปสะดุดเข้ากับ ผ้าริ้วขาว พลิ้วสะบัดไปมาตาม แรงลมของช่องแอร์ที่กำลังเป่านั้น....ด้วยความรำคาญหรืออะไรมิทราบได้ เจ้าคนนั้นจึงลุกออกมา แล้วลากเก้าอี้เพื่อที่จะได้ยื่นมือไปดึงเอาผ้าริ้วสีขาว นั้นออก....ในขณะที่เค้าต้องดึงตะแกรงที่ปิดช่องแอร์ออกก่อน ซึ่งในตอนนั้นสายตาของเค้าก็ยังมองมายังกลุ่มเพื่อนที่นั่งเล่นไพ่อยู่ พอเค้าวางตะแกรงลงและกำลังจะเงยหน้าไปหยิบผ้าริ้วสีขาวผืนนั้นออก....สายตาข อง เค้าก็ไปเจอเข้ากับอะไรอย่างหนึ่ง....เค้านิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง...แล้วก็ค่อยๆ ลง มาจากเก้าอี้ที่เค้ายืนอยู่ ในลักษณะถอยหลัง ค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกไป แล้วก็ค่อยหันหลังเดินออกจากห้องไป....เพื่อนๆในกลุ่มที่เล่นไพ่กันอยู่ก็งง บางคนในนั้นก็ตะโกน "เฮ้ยยยยย!!!!!".... ....แต่เพื่อนๆ ก็นั่งเล่นไพ่กันต่อ เพราะไม่ทราบว่าเกิดอะไร และก็ขี้เกียจเดา ...แต่ด้วยอะไรไม่ทราบได้ 1 ในกลุ่มที่เหลือ ก็พูดขึ้นมาว่า " เออ เดี๋ยวข้าลุกไปปิดตะแกรงให้ "...แล้วก็บ่น ๆ ว่าเจ้าเพื่อนคนที่ออกไปคนแรกทำไมไม่ปิด น่ะ ...เมื่อเขาลุกออกไป ก็ ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ที่ยังตั้งอยู่ตรงนั้น เมื่อเขาค่อยเงยหน้าขึ้นดู เพื่อให้รู้ว่าร่องที่จะวางตะแกรงนี่ต้องวางมุมไหน ยังไง...และในขณะที่เขาค่อยเงยหน้าและยืดตัวขึ้นไปดูนั้น ... ดวงตาเขาก็ไปเจอกับอะไรบางอย่าง....แล้วเขาก็นิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักนึง... ก็ ค่อยลงจากเก้าอี้มา และค่อยๆเดินออกไปจากห้อง.... ....เพื่อน ๆ ก็งง กันอีก เออเค้าเป็นอะไรของเค้าน่ะ ...ทีนี้ในกลุ่มก็เหลือ 4 คน นั่งเล่นไพ่กันต่อไป......พอหมดตานึง คนที่ 3 ก็ลุกออกไปจะไปปิดตะแกรงแอร์ให้เรียบร้อย ...จะได้มาเล่นต่ออย่างสบายใจ ...และก็เหมือนกับปฏิกิริยาของ 2 คนแรก คนที่ 3 และคนที่ 4 ก็เป็นเหมือนกัน และค่อยๆเดินออกจากห้องไปเหมือนกัน........เอาหล่ะสิ....ทีนี้ก็เหลือในห้อง แค ่ 2 คน ก็เล่นไม่สนุกแล้ว (และ 1 ใน 2 คนนั้นคือคนที่รอดชีวิตมาเล่าเรื่องราวให้พวกเราได้ฟังกัน) ทั้ง 2 ก็เลยชวนกันออกไปล๊อบบี้โรงแรม ดีกว่า เผื่อเจอเพื่อน ๆ ที่ลงไปก่อนหน้านี้แล้ว...แต่ ...แต่ก่อนออกไป ทั้ง 2 ต้องการ ปิดตะแกรงของช่องแอร์ให้เรียบร้อยก่อน...แล้วก็ให้คนนึงจับเก้าอี้ และคนที่มาเล่าในรายการเป็นคนขึ้นไปบนเก้าอี้ แล้วพอกำลังจะเอาตะแกรงเข้าไปปิดช่องแอร์เท่านั้น....ทั้งสองก็เห็นภาพเหมือ นก ันคือ....เป็นเหมือนภาพของศรีษะของผู้หญิงคนหนึ่งชะโงก หน้าลงมาจากช่องแอร์และมองด้วยสายตาที่เคียดแค้น จ้องมองมาที่ทั้ง 2 คนนั้น.... เค้ายังพอมองเห็นว่า เส้นผมยาวๆของผู้หญิงคนนั้น ถูกผูกติดไว้กับเหล็กที่อยู่ข้างในช่องแอร์นั้น....เมื่อเห็นภาพนั้น ทั้ง คนจึงค่อยเดินถอยหลังออกไป แล้ว 1 ในคนนั้นก็พยายามจับแขนอีกคนหนึ่งไว้แล้วบอกว่า "อย่าวิ่ง!!!! .." เพราะถ้าวิ่งนี่ เตลิดแน่นอน เพราะตอนนั้นจิตกระเจิงไปหมดแล้ว..จึงค่อย เดินลงมาจนมาสมทบกระกลุ่มเพื่อนข้างล่าง.... ....พอเจอกัน ต่างมองหน้ากัน..และ 1 ในนั้นก็ถาม "พวกแกทำไมไม่บอก พวกเราน่ะว่าเจออะไรกัน..." ... ไม่มีเสียงตอบจากคนใดในหลุ่มนั้น > > ...ทั้งหมดจึง ไปถามหาจากคนของโรงแรมว่า ที่ห้อง 409 นั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ทำไมพวกเค้าเจอเหตุการณ์อย่างที่เล่ามานี้ เหมือนกันหมดทุกคน และก็มีคนนึงในโรงแรมนั้นเล่าให้ฟังว่า......เมื่อหลายปีก่อนมีผู้หญิงคนหนึ ่ง ซึ่งเป็นผู้หญิง off และถูกพาไปห้องโดยแขก เหมือนจะเป็นชาวมาเลย์....และด้วยมีเรื่องอะไรกันไม่ทราบได้....ในตอนเช้า พบเธอเป็นศพ สภาพที่หัวถูกตัดหายไป โดยที่ตัวถูกหมกไว้ใต้เตียง....ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามหาส่วนที่เป็นหัวอยู่ นา นก็ไม่เจอ......ก็เลยเลิกหา แล้วก็กลับไป...จนหลายวันต่อมา แอร์ห้องนั้นเริ่มมีกลิ่น เพราะแขกที่มาพักห้องข้างๆ ได้กลิ่น จึงแจ้งพนักงานโรงแรม...แล้วก็หาจนได้ที่มาของกลิ่น นั่นก็คือ ศรีษะของผู้หญิงคนนั้นถูกตัดออกมา แล้วก็นำชุดขาวที่เธอใส่มา ห่อหรือพันส่วนที่เป็นคอที่ถูกตัดไว้ แล้วใช้เส้นผมของเธอเอง ผู้กไว้กับแกนเหล็กข้างในช่องแอร์อีกที........และห้องนั้นก็ถูกทางโรงแรมปิ ดต ายไป! ......เพราะฉนั้นสิ่งที่ 6 คนนั้นเจอ เรียกได้ว่าเป็น ภาพ หรือ ภาพหลอน หรือผีหลอกนั่นเอง...... > > ...หลังจากนนั้นทั้ง 6 คนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และก็ดำเนินชีวิตปกติ......แต่หลังจาก 3 วันถัดจากที่พวกเค้าเจอเหตุการณ์ เพื่อนของเค้า คือ คนแรกที่เป็นคนต้นคิดไปเปิดตะแกรงเพื่อเอาผ้าริ้วสีขาวๆออก ..ได้เสียชีวิตลง โดยเหมือนคุยกับแฟนตกลงอะไรกันอยู่ ส่วนเพื่อนก็นั่งดูอยู่ห่างๆ แต่ซักพัก เพื่อนคนนั้นก็ยิงหัวตัวเองตาย........ต่อหน้าต่อตาเพื่อน และแฟน....โดยที่เพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนไม่มีปัญหาอะไรเลย สนุกสนานร่าเริง ...นี่คือศพแรก และเป็นคนแรกที่เริ่มเปิดตะแกรงช่องแอร์นั้นออกมา...... ....หลังจากนั้นในวันถัดมาเพื่อนอีกคน คือคนที่ 2 ที่จะลุกไปปิดตะแกรงก็ตายโดยอุบัติเหตุ....จากการขับรถ.....และในขณะที่กำลั งจ ัดงานศพเพื่อนๆ อยู่นั้น ปารกฏว่ามีคนนึงหายไป คนที่มาเล่าในรายการ เลยไปตามหาถึงที่ห้อง..ปรากฏว่าเขาผูกคอตายอยู่กับหน้าต่าง โดยที่ตัวเค้าก็ถึงพื้นหน้า มือก็ถึงพื้น แต่สภาพใบหน้าคือ ดวงตาเบิกโพลง....เหมือนตกใจสุดขีด...........คล้อยหลังอีกไม่นาน ก็คนที่ โดยอุบัติเหตุทางรถเช่นเดียวกัน > > ....ภายในเวลาไม่ถึง 7 วันเพื่อน ๆ ในกลุ่มเขาตายอย่างกระทันหันถึง 4 คน......จนทำให้ 1 ใน 2 คนที่เหลือฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า มันจะเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ที่พวกเค้าเจอที่โรงแรมนั้นหรือ เปล่า.... ...ทั้ง 2 คนที่เหลือเลยไปหาพระที่วัด....แล้วพระก็ทักว่า เพิ่งเสียของรัก หรือคนที่เรารักไปหลายคนใช่ไหม.........แล้วก็บอกไปอีกว่า เป็นผู้หญิง...ทั้ง 2 คนก็งง แต่พระท่านหมายถึงผู้หญิง... หน่ะ มากับโยมด้วย ตอนนี้ก็มา...โดยนั่งอยู่ข้างหลัง.....ทั้ง 2 หันไปแต่ก็ไม่เจอใคร.....พระท่านก็บอกว่า เธออาฆาต......แล้วทั้งทางครอบครัวของ ทั้ง 2 คนเลย ขอให้พระท่านจัดทำพิธีบังสกุลเป็น ให้ทั้งคู่ ........หวังว่าจะได้รอดพ้นหรือผ่อนหนักเป็นเบา ......แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ ก็มานั่งคุยกันว่า...เออ ใครจะไปก่อนน่ะ....อีกคนเลยบอกว่าจะไปต่างประเทศ....แล้วหลังจากวันนั้นทั้ง คู ่ก็แยกกันไป.....จนคนที่มาเล่าในรายการเมื่อคืน อยู่ ๆ ก็โดนใครที่ไหนไม่รู้วิ่งเอามีดมาแทง ๆ ๆๆ โดยที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนเลย.....จนต้องเข้าโรงบาลไป... (พอมาถึงช่วงนี้...เขาก็เปิดให้ดูรอยแผลเป็นจากการโดนแทง) ....เขาระบุวันเวลาอย่างแม่นยำ เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ว่าเขาโดนแทงวันไหนเวลาอะไร เพราะอีกวันถัดมาเค้าให้เพื่อนโทรทางไกลไปหา เพื่อนคนที่อยู่เมืองนอก...เพื่อนคนนั้นก็บอกว่า โดนเหมือนกัน นี่กำลังนอนที่ รพ.อยู่ เพราะรถไปพลิกคว่ำลงข้างทาง....โดยเขาเล่าว่า มีผู้หญิงผมยาวๆ มาตัดหน้าแล้วเค้าหักหลบ..... ...และเหตุการณ์ก็ผ่านไป..........ทั้งคู่ยังอยู่ดี มาจนถึงทุกวันนี้ และ 1 ใน 2 คนนั้นก็ได้มีโอกาสมาเล่าผ่านทางรายการวิทยุ ของคุณ ป๋องก่อน รายการ Shockfm ...แล้วเรื่องนี้ก็เป็นที่ฮือฮากันมาก และถูกโหวตให้เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในรอบหลายๆ
12 มกราคม 2558
5 อันดับโรงแรมผีดุ ภาคใต้ (1/5)
1. ผีในช่องระบายอากาศ ชุมพร (เรื่องจริงนะ)
ผมได้หายไป 4-5 วัน เพราะติดธุระ....พอวันสุดท้ายมาโดนดีจนได้ ที่หลังสวน จ.ชุมพร..
ใจตอนนั้นกะว่าจะตีรถเข้า กทม..แต่ร่างกายผมมันไม่ให้ ง่วงก็ง่วง เหนื่อยก็เหนื่อย พอผ่านแถวหลังสวน ก็เห็นมีโรงแรมพอที่จะพักได้...แต่ผมไม่ขอบอกชื่อ แถวตลาดอวยชัย....เมื่อเช็คเรียบร้อยไอ้เจ้าเด็กยกกระเป๋า มันไม่ยอมไปส่งให้ที่ห้อง ในใจคิดช่างมัน...ดีไม่ต้องเสียค่ายกระเป๋า ตั้ง 20 บาท.....ก็ยกเอง พอเข้าไปในห้อง...ทําไมมันวังเวง อีกทั้งมีกลิ่น ตุๆ...ยิ่งลมแอร์ที่เป่าออกมา มันหนาวเย็นยะเยือกพร้อมทั้งมีกลิ่นด้วย....เออช่างมัน(ในใจคิด)
ก็จัดการร่างกายของผม คือ อาบน้ำ แปรงฟัน แต่ ที่เพดานห้องน้ำมันมีที่ระบายอากาศ อีกทั้งขณะที่ผมแปรงฟัน ผมมองกระจก และกระจกมันก็เห็นเพดานช่องระบายอากาศ แต่ทําไม่มันเห็นมีใครโผล่หน้ามาแอบดูผม.....พอหันไปมองที่เพดาน กลับว่างเปล่า......ตอนแรกนึกว่าตาฝาด ก็เลยไม่สนใจ ก็แปรงฟันต่อ...แต่เอ๊ะ...พอมองกระจก มันก็มีคนโผล่หน้าออกมาดู มันยังไงกัน....พอหันไปดูที่เพดาน มันก็ว่างเปล่าเหมือนเดิม....สงสัยมีคนแอบดูผมแน่ๆ ...ตัดสินใจปีนครับ....ปีนขึ้นไปดูว่ามีใครแอบมาดูผม....แต่ แต่...ที่ไหนได้..ช่องที่ผมปีนขึ้นไปดู มันแค่ คืบกว่าๆเอง....ซึ่งมันไม่สามารถคนที่จะเข้าไปแอบได้เลย....แล้วใครกัน...ที่มาแอบดูผม...
ช่างมัน...ผีก็ผี..อยากแอบดูก็แอบดูไป...คือคิดแบบเข้าข้างตัวเองไม่ให้กลัว...พอแปรงฟันเสร็จ ก็เข้าอาบน้ำ ขณะที่อาบอยู่ ที่ไหนได้ มันเล่นคลานออกมาจากช่องระบายอากาศ...ดัง ครืดๆๆๆ...ผมหันมา จะหน้ามันแบบ จะ จะ...ผี และก็ ผี จริงๆนะเนี่ยๆๆ.....
ผมคว้าผ้าขนหนู รีบออกมานอกห้อง วิ่งออกมาทางเดินโรงแรม มันก็ยังตามโดยที่มันคลานมากับพื้น.......หน้าของมันซีด มองไม่เห็นดวงตา แต่ปากของมันแสยะยิ้ม แฮ่ๆๆๆๆ....
จากชั้น 4 ผมวิ่งลงบันได แค่ผ้าขนหนูผืนเดียว....พอมาถึงเค้าเตอร์ คําพูดออกมาได้คําเดียวว่า....ผีหลอก.
งานนั้น...ผมให้เด็กและคนที่อยู่ข้างล่างช่วยเก็บกระเป๋าให้ผม....ไม่เอาแล้ว...กลับบ้านดีกว่า ไม่ค้างแล้ว ตกลงคืนนนั้นขับรถกลับบ้านเลย..ไม่ยอมค้างที่ไหน เข็ดจริงๆโรงแรมหลังสวน.
(ลืมบอกไป...โรงแรมติดกับ ที่เผาศพคนตายของทางวัด)...........อ๊ากๆๆๆๆโบ้วววว....กัวๆๆๆ
ที่มา: คุณ Terminator4 แห่ง Yenta4.Com
ผมได้หายไป 4-5 วัน เพราะติดธุระ....พอวันสุดท้ายมาโดนดีจนได้ ที่หลังสวน จ.ชุมพร..
ใจตอนนั้นกะว่าจะตีรถเข้า กทม..แต่ร่างกายผมมันไม่ให้ ง่วงก็ง่วง เหนื่อยก็เหนื่อย พอผ่านแถวหลังสวน ก็เห็นมีโรงแรมพอที่จะพักได้...แต่ผมไม่ขอบอกชื่อ แถวตลาดอวยชัย....เมื่อเช็คเรียบร้อยไอ้เจ้าเด็กยกกระเป๋า มันไม่ยอมไปส่งให้ที่ห้อง ในใจคิดช่างมัน...ดีไม่ต้องเสียค่ายกระเป๋า ตั้ง 20 บาท.....ก็ยกเอง พอเข้าไปในห้อง...ทําไมมันวังเวง อีกทั้งมีกลิ่น ตุๆ...ยิ่งลมแอร์ที่เป่าออกมา มันหนาวเย็นยะเยือกพร้อมทั้งมีกลิ่นด้วย....เออช่างมัน(ในใจคิด)
ก็จัดการร่างกายของผม คือ อาบน้ำ แปรงฟัน แต่ ที่เพดานห้องน้ำมันมีที่ระบายอากาศ อีกทั้งขณะที่ผมแปรงฟัน ผมมองกระจก และกระจกมันก็เห็นเพดานช่องระบายอากาศ แต่ทําไม่มันเห็นมีใครโผล่หน้ามาแอบดูผม.....พอหันไปมองที่เพดาน กลับว่างเปล่า......ตอนแรกนึกว่าตาฝาด ก็เลยไม่สนใจ ก็แปรงฟันต่อ...แต่เอ๊ะ...พอมองกระจก มันก็มีคนโผล่หน้าออกมาดู มันยังไงกัน....พอหันไปดูที่เพดาน มันก็ว่างเปล่าเหมือนเดิม....สงสัยมีคนแอบดูผมแน่ๆ ...ตัดสินใจปีนครับ....ปีนขึ้นไปดูว่ามีใครแอบมาดูผม....แต่ แต่...ที่ไหนได้..ช่องที่ผมปีนขึ้นไปดู มันแค่ คืบกว่าๆเอง....ซึ่งมันไม่สามารถคนที่จะเข้าไปแอบได้เลย....แล้วใครกัน...ที่มาแอบดูผม...
ช่างมัน...ผีก็ผี..อยากแอบดูก็แอบดูไป...คือคิดแบบเข้าข้างตัวเองไม่ให้กลัว...พอแปรงฟันเสร็จ ก็เข้าอาบน้ำ ขณะที่อาบอยู่ ที่ไหนได้ มันเล่นคลานออกมาจากช่องระบายอากาศ...ดัง ครืดๆๆๆ...ผมหันมา จะหน้ามันแบบ จะ จะ...ผี และก็ ผี จริงๆนะเนี่ยๆๆ.....
ผมคว้าผ้าขนหนู รีบออกมานอกห้อง วิ่งออกมาทางเดินโรงแรม มันก็ยังตามโดยที่มันคลานมากับพื้น.......หน้าของมันซีด มองไม่เห็นดวงตา แต่ปากของมันแสยะยิ้ม แฮ่ๆๆๆๆ....
จากชั้น 4 ผมวิ่งลงบันได แค่ผ้าขนหนูผืนเดียว....พอมาถึงเค้าเตอร์ คําพูดออกมาได้คําเดียวว่า....ผีหลอก.
งานนั้น...ผมให้เด็กและคนที่อยู่ข้างล่างช่วยเก็บกระเป๋าให้ผม....ไม่เอาแล้ว...กลับบ้านดีกว่า ไม่ค้างแล้ว ตกลงคืนนนั้นขับรถกลับบ้านเลย..ไม่ยอมค้างที่ไหน เข็ดจริงๆโรงแรมหลังสวน.
(ลืมบอกไป...โรงแรมติดกับ ที่เผาศพคนตายของทางวัด)...........อ๊ากๆๆๆๆโบ้วววว....กัวๆๆๆ
ที่มา: คุณ Terminator4 แห่ง Yenta4.Com
09 มกราคม 2558
5 อันดับโรงแรมผีดุ ภาคกลาง (5/5)
5. โรงแรมลิฟท์สยอง กาญจนบุรี
กาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ไม่แปลก หากจะได้ยินเรื่องของวิญญาณลี้ลับตามสถานที่นั้น ๆ โผล่มาให้ผู้คนได้พบเห็น แต่ถ้าเป็นโรงแรมแล้ว ต้องถือได้ว่า เสียงลือเสียงเล่าแต่ละเรื่องที่ได้ยินกันมา สร้างความสยองให้ผู้ที่เข้าพักได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ขอเอ่ยนามโรงแรมเพื่อไม่ให้กระทบกับผลประโยชน์ของเจ้าของโรงแรม แต่จะเล่าถึงตำนานที่มีให้ขับขาน
เป็นโรงแรมริมแม่น้ำ ไกลจากตัวเมืองกาญจนบุรีพอประมาณ ว่ากันว่า พนักงานทำความสะอาด ได้ทำไม้กวาดหล่นเข้าไปในใต้ซอกลิฟท์ จึงได้ก้มตัวลงไปหยิบ ทันใดนั้น คราวเคราะห์ได้มาเยือน ลิฟต์เคลื่อนตัวและทับศรีษะของพนักงานคนนั้นจนเสียชีวิต ทีมงานสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งได้รับการปฏิเสธ
จึงได้ทำการสอบถามกับพนักงาน และเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด โดยสัญญาว่าจะไม่เอ่ยชื่อของโรงแรมให้ได้รับผลกระทบ ได้ความว่า ตอนดึก ๆ ห้องที่อยู่ติดกับลิฟท์มักจะได้ยินเสียงครางประหลาด บ้างก็เห็นเป็นเงาของศรีษะคนอยู่ที่ริมหน้าต่าง ซึ่งไม่มีระเบียงและอยู่สูงกว่าจะปีนได้ สร้างความสยองแก่ผู้คนที่พบเจอ แต่ก็เป็นแค่คำกล่าวขาน ยังไม่มีผู้ใดยืนยันกับคำบอกเล่าเหล่านี้
คุณ Jamo ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ ได้เล่าประสบการณ์ถึงการเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ว่า “วันนั้นเป็นวันเสาร์ ผมไปเที่ยวกาญจนบุรีถึงตอนห้าโมงเย็น เก็บของเข้าห้องพัก แล้วลงมากินข้าว ได้ยินพนักงานเล่าให้พนักงานใหม่ฟัง ( ซึ่งตอนนั้นผมนั่งอยู่ใกล้ ๆ แต่พวกเค้าไม่ทราบเลขที่ห้องของผม ) ว่า มีพนักงานโดนลิฟท์ทับใกล้ ๆ กับห้องหมายเลข *** ซึ่งมันเป็นเลขห้องของผม แต่ผมก็ไม่คิดอะไร คิดซะว่าเป็นข่าวลือ ตอนเข้านอน มีลมแรงมาก ๆ มาพัดหน้าต่าง ผมจึงลุกไปปิดและล็อค ลมเริ่มแรงขึ้นแรงขึ้น ผมลุกไปเข้าห้องน้ำตอนประมาณสี่ทุ่ม แต่ความรู้สึกเสียวสันหลังเกิดขึ้น เหมือนมีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีใครคอยจ้องอยู่ ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ ผมเลยพนมมือและแผ่ส่วนกุศลไปให้ สัญญาว่าจะกรวดน้ำไปให้ด้วยหากได้ใส่บาตรทำบุญ จู่ ๆ ความรู้สึกนั้นก็หายไป ลมจากที่แรง ๆ ก็หยุดพัด ผมจึงนอนต่อและเมื่อตื่นเช้า ก็รีบออกจากโรงแรมแห่งนี้ไปโดยเร็ว และไม่ลืมที่จะกรวดน้ำไปให้ ”
แท้จริงแล้ว อาจเป็นเสียงลือเท่านั้น แต่ก็สร้างตำนานโรงแรมลิฟต์สยองให้กระพือไปจนวัยรุ่นทั้งจังหวัดเกิดความสะพรึงกลัว และรอเวลาให้มีคนพิสูจน์เรื่องเล่าขาน
ที่มา: TeenKan.Com
กาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ไม่แปลก หากจะได้ยินเรื่องของวิญญาณลี้ลับตามสถานที่นั้น ๆ โผล่มาให้ผู้คนได้พบเห็น แต่ถ้าเป็นโรงแรมแล้ว ต้องถือได้ว่า เสียงลือเสียงเล่าแต่ละเรื่องที่ได้ยินกันมา สร้างความสยองให้ผู้ที่เข้าพักได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ขอเอ่ยนามโรงแรมเพื่อไม่ให้กระทบกับผลประโยชน์ของเจ้าของโรงแรม แต่จะเล่าถึงตำนานที่มีให้ขับขาน
เป็นโรงแรมริมแม่น้ำ ไกลจากตัวเมืองกาญจนบุรีพอประมาณ ว่ากันว่า พนักงานทำความสะอาด ได้ทำไม้กวาดหล่นเข้าไปในใต้ซอกลิฟท์ จึงได้ก้มตัวลงไปหยิบ ทันใดนั้น คราวเคราะห์ได้มาเยือน ลิฟต์เคลื่อนตัวและทับศรีษะของพนักงานคนนั้นจนเสียชีวิต ทีมงานสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งได้รับการปฏิเสธ
จึงได้ทำการสอบถามกับพนักงาน และเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด โดยสัญญาว่าจะไม่เอ่ยชื่อของโรงแรมให้ได้รับผลกระทบ ได้ความว่า ตอนดึก ๆ ห้องที่อยู่ติดกับลิฟท์มักจะได้ยินเสียงครางประหลาด บ้างก็เห็นเป็นเงาของศรีษะคนอยู่ที่ริมหน้าต่าง ซึ่งไม่มีระเบียงและอยู่สูงกว่าจะปีนได้ สร้างความสยองแก่ผู้คนที่พบเจอ แต่ก็เป็นแค่คำกล่าวขาน ยังไม่มีผู้ใดยืนยันกับคำบอกเล่าเหล่านี้
คุณ Jamo ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ ได้เล่าประสบการณ์ถึงการเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ว่า “วันนั้นเป็นวันเสาร์ ผมไปเที่ยวกาญจนบุรีถึงตอนห้าโมงเย็น เก็บของเข้าห้องพัก แล้วลงมากินข้าว ได้ยินพนักงานเล่าให้พนักงานใหม่ฟัง ( ซึ่งตอนนั้นผมนั่งอยู่ใกล้ ๆ แต่พวกเค้าไม่ทราบเลขที่ห้องของผม ) ว่า มีพนักงานโดนลิฟท์ทับใกล้ ๆ กับห้องหมายเลข *** ซึ่งมันเป็นเลขห้องของผม แต่ผมก็ไม่คิดอะไร คิดซะว่าเป็นข่าวลือ ตอนเข้านอน มีลมแรงมาก ๆ มาพัดหน้าต่าง ผมจึงลุกไปปิดและล็อค ลมเริ่มแรงขึ้นแรงขึ้น ผมลุกไปเข้าห้องน้ำตอนประมาณสี่ทุ่ม แต่ความรู้สึกเสียวสันหลังเกิดขึ้น เหมือนมีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีใครคอยจ้องอยู่ ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ ผมเลยพนมมือและแผ่ส่วนกุศลไปให้ สัญญาว่าจะกรวดน้ำไปให้ด้วยหากได้ใส่บาตรทำบุญ จู่ ๆ ความรู้สึกนั้นก็หายไป ลมจากที่แรง ๆ ก็หยุดพัด ผมจึงนอนต่อและเมื่อตื่นเช้า ก็รีบออกจากโรงแรมแห่งนี้ไปโดยเร็ว และไม่ลืมที่จะกรวดน้ำไปให้ ”
แท้จริงแล้ว อาจเป็นเสียงลือเท่านั้น แต่ก็สร้างตำนานโรงแรมลิฟต์สยองให้กระพือไปจนวัยรุ่นทั้งจังหวัดเกิดความสะพรึงกลัว และรอเวลาให้มีคนพิสูจน์เรื่องเล่าขาน
ที่มา: TeenKan.Com
08 มกราคม 2558
5 อันดับโรงแรมผีดุ ภาคกลาง (4/5)
4. โดนผีตายโหงหลอกในโรงแรมใหญ่ ที่ สระแก้ว
เรื่องมีอยู่ว่า ไปทำบุญกันที่สระแก้วไปกับเพื่อนๆไปกัน 4 คน พอไปถึงก็ไปหาโรงแรม เราติดต่อขอ 2 ห้อง
ตอนแรกๆทางโรงแรมบอกว่ามีแค่ห้องเดียว แต่เราขอร้องให้เค้าหาห้องให้อีก ทางเจ้าหน้าที่เค้าเลยบอกเราว่ามีอีกห้องจะเอาไม ถามเราถี่ๆ ก็ตอบไปว่าเอา เราแยกกันนอนห้องละ 2 คน
(ในเรื่องนี้ขออ้างชื่อบุกคนด้วยคือลูกชายและหลานชายของท่านสำเภา ประจวบเหมาะ (อดีตรัฐมนตรี)) เรานอนกับหลานชายคุณลุงสำเภา
ตอนก่อนนอนก็ไม่มีเหตุการอะไร ก็คุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน เหตุการประหลาดเกิดขึ้นตอนเราสองคนจะเอนตัวลงนอน พอปิดไฟก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคน"โยนกระเป๋าของเราลงพื้นแรงๆ" ทีแรกนึกว่าน้องเค้าติดลมไม่ยอมนอน แต่พอลุกขึ้นเปิดไฟต่างคนต่างก็นึกว่าหยอกล้อกันเอง ก็เลยเปิดไฟอีกที ทีนี้เหมือนเดิมเหมือนมีคนโยนกระเป๋าลงมาแรงๆแรงกว่าครั้งแรกอีก น้องเค้าลีบเปิดไฟดูทีนี้สีหน้าไม่ดี เดินตรวจดูในห้องแล้วเปิดเบียร์กระป๋องดื่ม 1 กระป๋องด้วยสีหน้าซีดๆ แล้วขึ้นมานอน
ที่นี้เข้านอนเบียดๆเพื่อจะแน่ใจว่าเราไม่ได้ลุกไปแกล้งโยนกระเป๋า เราเอาพระออกมาไว้ที่หัวนอนด้วย บอกตามตรงว่ากลัวมากๆ พอครั้งที่ 3 ดับไฟ เสียงโยนกระเป๋าดังมากทีนี้เสียงอยู่ที่ข้างๆหัวนอนแล้ว ด้วยความที่ตกใจมากๆ คือไม่เคยเจอ(ผี)แบบจะๆแบบนี้ในชีวิตเลย คือแบบที่เค้าเรียกว่าผีหลอกแบบจะๆ น้องกับเรากอดกันตัวสั่นเลย น้องเค้าตัวสั่นจริงๆ ด้วยความที่ทั้งกลัวทั้งโกรธ จะเป็นคนอารมย์ร้อน มากๆ บวกกับอาการ(กลัว) แบบสุดขีดเลย(วีนแตก)
โทรศัพลงไปที่ฟรอนท์โวยวายว่าเราเจอผี เจ้าหน้าที้เค้าตกใจมากๆแล้วพูดกับเพื่อนพนักงานด้วยความกลัวและลืมปิดเสียงโทรศัพโดยพูดกันด้วยความตกใจว่า..."แขกโดนอีกแล้วๆๆๆ" แล้วเค้าบอกว่าจะให้พลักงานชายมาเฝ้าหน้าประตู
ตอนนั้นเอามือคว้าพระที่เอาออกมาวางที่หัวเตียง แต่ต้องตกใจเป็นรอบที่ 2 พระที่วางไว้หาย เราคว้ากระเป๋าออกมาดู พระกลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเหมือนเดิม
ทีนี้วิ่งอย่างเดียว วิ่งแบบไม่คิดชิวิตไปอีกห้องแบบหมดอาย เพื่อนอีกห้องตกใจมากที่เห็นสภาพเราทั้ง 2 กว่าฟ้าจะสว่างไม่ได้นอนเลย
พอตอนเช้าแม่บ้านมาบอกว่า..."คุณทำบุญอุทิศให้เค้านะ" กลับมาถึงกรุงเทพแล้วได้โทรเล่าให้ครูบาเจ้าอินสมท่านฟัง ยังเล่าไม่ทันจบท่านพูดสวนขึ้นว่า..."เป็นผีตายโหง เปิ้นแรงมาก เปิ้นมาขอส่วนบุญส่วนกุศล ฆ่ากันตายในห้องนั้น"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าไปพักที่โรงแรมถ้าพนักงานเค้าบอกว่า(ห้องไม่มี)ก็อย่าไปเซ้าซี้ เพราะอาจจะพบเจอเหตุการแบบนี้ก็ได้
ที่มา: คุณพสภัธ Palungjit.Org
เรื่องมีอยู่ว่า ไปทำบุญกันที่สระแก้วไปกับเพื่อนๆไปกัน 4 คน พอไปถึงก็ไปหาโรงแรม เราติดต่อขอ 2 ห้อง
ตอนแรกๆทางโรงแรมบอกว่ามีแค่ห้องเดียว แต่เราขอร้องให้เค้าหาห้องให้อีก ทางเจ้าหน้าที่เค้าเลยบอกเราว่ามีอีกห้องจะเอาไม ถามเราถี่ๆ ก็ตอบไปว่าเอา เราแยกกันนอนห้องละ 2 คน
(ในเรื่องนี้ขออ้างชื่อบุกคนด้วยคือลูกชายและหลานชายของท่านสำเภา ประจวบเหมาะ (อดีตรัฐมนตรี)) เรานอนกับหลานชายคุณลุงสำเภา
ตอนก่อนนอนก็ไม่มีเหตุการอะไร ก็คุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน เหตุการประหลาดเกิดขึ้นตอนเราสองคนจะเอนตัวลงนอน พอปิดไฟก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคน"โยนกระเป๋าของเราลงพื้นแรงๆ" ทีแรกนึกว่าน้องเค้าติดลมไม่ยอมนอน แต่พอลุกขึ้นเปิดไฟต่างคนต่างก็นึกว่าหยอกล้อกันเอง ก็เลยเปิดไฟอีกที ทีนี้เหมือนเดิมเหมือนมีคนโยนกระเป๋าลงมาแรงๆแรงกว่าครั้งแรกอีก น้องเค้าลีบเปิดไฟดูทีนี้สีหน้าไม่ดี เดินตรวจดูในห้องแล้วเปิดเบียร์กระป๋องดื่ม 1 กระป๋องด้วยสีหน้าซีดๆ แล้วขึ้นมานอน
ที่นี้เข้านอนเบียดๆเพื่อจะแน่ใจว่าเราไม่ได้ลุกไปแกล้งโยนกระเป๋า เราเอาพระออกมาไว้ที่หัวนอนด้วย บอกตามตรงว่ากลัวมากๆ พอครั้งที่ 3 ดับไฟ เสียงโยนกระเป๋าดังมากทีนี้เสียงอยู่ที่ข้างๆหัวนอนแล้ว ด้วยความที่ตกใจมากๆ คือไม่เคยเจอ(ผี)แบบจะๆแบบนี้ในชีวิตเลย คือแบบที่เค้าเรียกว่าผีหลอกแบบจะๆ น้องกับเรากอดกันตัวสั่นเลย น้องเค้าตัวสั่นจริงๆ ด้วยความที่ทั้งกลัวทั้งโกรธ จะเป็นคนอารมย์ร้อน มากๆ บวกกับอาการ(กลัว) แบบสุดขีดเลย(วีนแตก)
โทรศัพลงไปที่ฟรอนท์โวยวายว่าเราเจอผี เจ้าหน้าที้เค้าตกใจมากๆแล้วพูดกับเพื่อนพนักงานด้วยความกลัวและลืมปิดเสียงโทรศัพโดยพูดกันด้วยความตกใจว่า..."แขกโดนอีกแล้วๆๆๆ" แล้วเค้าบอกว่าจะให้พลักงานชายมาเฝ้าหน้าประตู
ตอนนั้นเอามือคว้าพระที่เอาออกมาวางที่หัวเตียง แต่ต้องตกใจเป็นรอบที่ 2 พระที่วางไว้หาย เราคว้ากระเป๋าออกมาดู พระกลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเหมือนเดิม
ทีนี้วิ่งอย่างเดียว วิ่งแบบไม่คิดชิวิตไปอีกห้องแบบหมดอาย เพื่อนอีกห้องตกใจมากที่เห็นสภาพเราทั้ง 2 กว่าฟ้าจะสว่างไม่ได้นอนเลย
พอตอนเช้าแม่บ้านมาบอกว่า..."คุณทำบุญอุทิศให้เค้านะ" กลับมาถึงกรุงเทพแล้วได้โทรเล่าให้ครูบาเจ้าอินสมท่านฟัง ยังเล่าไม่ทันจบท่านพูดสวนขึ้นว่า..."เป็นผีตายโหง เปิ้นแรงมาก เปิ้นมาขอส่วนบุญส่วนกุศล ฆ่ากันตายในห้องนั้น"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าไปพักที่โรงแรมถ้าพนักงานเค้าบอกว่า(ห้องไม่มี)ก็อย่าไปเซ้าซี้ เพราะอาจจะพบเจอเหตุการแบบนี้ก็ได้
ที่มา: คุณพสภัธ Palungjit.Org
07 มกราคม 2558
5 อันดับโรงแรมผีดุ ภาคกลาง (3/5)
3. โรมแรมสยอง ทะเลสวย ทรายขาว หัวหิน
เรื่อง มันมีอยู่ว่า... แม่แคท และ สามสาว รวมสามีด้วยสิ ..ไปค้าง ที่ หัวหิน แล้ว เจ้าโรงแรมนี้ ..ดัน หยุด ปิดซ่อม แซม พูดง่ายๆ โรงแรม ทั่งหลัง มี ครอบครัวหม่อม ครอบครัวเดี่ยว
จริงๆ ก็ ชอบ นะ เพราะไอ้สามโหด มัน ซน และ ชอบทะเลาะกันด้วย เสียงดังอีกต่างหาก
ดังนั่น การได้พัก ครอบครัวเดี่ยว เลยไม่ค่อย จะเสียความรู้สึกเท่าไร แถม สระว่ายน้ำ ซ่อมเสร็จ เรียบร้อย เราเป็น เจ้าแรก ที่ได้ลงเล่น ..โรงแรม มีแค่สองชั่น ..แม่แคท อยู่ชั่นสอง ..สามห้องติดกัน
ห้องเด็ก และห้องแม่แคท ทะลุ ติดกัน ได้ โดยมีห้อง นั่งกินข้าว หรือห้องนั่งเล่น ขั่น กลาง..
คืนที่สอง....
เหตุการณ์ ปกติ นอนหลับ สบายใจ เหนื่อยกับการเดินทาง แถมเหนื่อย กับการ ปรับ สภาพ ร่างกาย
คิดดู นั่งรถ จาก ลพบุรี และพอถึง กทมฯ จัดกระเป๋า แบบ สายฟ้าแล๊บ เล้ยเรียก รถแทกซี่ไปหัวหินเล้ย ค่ารถ สองพันห้า ..ก็ต้องยอม
ก้อ ไง จะกระเป๋า ไง จะสามสาว ..
งานนี้ ถือว่า..ค่าใช้ สูง จริงๆ กับ การกลับเมืองไทย ของสามโหด
เวลา...ตีห้า ...
ขณะ ที่กำลัง นอน น้ำลายไหล ฟู มาก..อิๆๆ ไหล ไม่ไหล ไม่รู้ โม้ไว้ก่อน น้า ... ก็มีเสียง โครม ดังมากๆๆ คิดว่า ตึก ถล่ม เสียอีก .. สองคนตายาย ตกใจ ตื่น หัวใจ แทบวาย ..
งานนี้ เป็น ครั่งแรก ที่ ปุ้มปุ้ย รับรู้ ด้วย ปกติ โดนผีอำ หรือโดน ผี เขย่าเตียง สามี นอน เดี้ยง ไม่รู้ เรื่อง
แต่งานนี้ เค้าตกใจตื่น หน้าตา แบบ เหลือง มากกกกกกกกกกกกก ตกใจ เพราะเวลา ตีห้า........... ไม่ใช่คนงาน แน่ๆๆๆ
ขโมย บ้า ที่ไหน จะทำเสียง ดัง แบบนี้
ไอ้เรา ตกใจตื่น ...วิ่งไปห้อง ลูก ดู กลอน ประตู ..ค่อยโล่ง อก ..ไม่มีอาหรัย เกิดขึ้น
เสียงมาจากไหน ว่ะ
....ในห้องมี มี ท่านเทพจตุคาม ..อยู่ด้วย ซึ่งคุณพี่ลักษณ์ ท่านให้มา ...เหตุการณ์ที่เกิด ..เหมือน มีการ โยน สิ่งหนักๆๆ ออกจากห้อง เหมือนมีการ เหวี่ยง ช้าง หรือสิ่ง ที่หนัก มากกกกกออกไป นอกห้อง ดัง โครม ...
หลังจากนั่น ..จะมีเสียง เหมือน มีการลากกกกกกกกกกกกกกกก ไปหลังคาโรงแรม...
คืน แรกที่โดนผี ผ่านไป ....
เผ่นไป ใส่บาตร อิๆๆ ปกติ ก็ตั่งใจ จะใส่อยู่แล้วน้า.... เลย ปรึกษา กับ พระอาจารย์ ทีวัดหัวหิน ....
อ้าว ท่าน บอก แผ่ บุญ ให้เค้า ...
พระอาจารย์ ขา....หนู ไม่รู้ ชื่อ เค้า เจ้าค่ะ ....
คืน ที่สอง ....ที่โดน ....
คืนนี้ดีหน่อย ...เค้า มาลาก ข้าง แค่นอกห้อง ... แล้ว เราก็เริ่มรู้ แล้ว....เค้ามา หา ..ไม่ค่อยตกใจ เหมือนคืนแรก ..
แค่ เหวี่ยงตามอง นาลิกา ..เฮ้อ ..เฮ้ง ตรงเวลาดีจัง เนาะ.. แต่ หุๆๆ หลับไม่ลง แฮ่ะ เลยเปิดทีวี ดู ...จนเหนื่อย และหลับไปเอง ...
คืน ทีสาม ...
เสียง ค่อยๆๆ เบา ..ลง และคืนต่อๆๆ มาก็ เบา ...ลง
แต่เกือบวัน สุดท้าย ...
ถามคนงาน ที่เค้าเป็นพนักงาน ทำความสะอาดห้องให้เรา มีคนเดี่ยวนั่นแหระ ..
ก็ทั้งโรงแรม มีครอบครัวฉาน ครอบครั่วเดี่ยว อิๆๆ พนักงานคนนี้น่าร๊าก คอย วิ่งหา ผ้าเช็ดให้เด็กเวลาลงน้ำ และ ต้องรอคอย คุงหนูสามคน ตื่นเกือบเที่ยง มาเก็บห้องให้
ก๊ากกก คุงหนู จริงๆๆ
อ้าว มาเข้าเรื่องต่อ...
แม่แคท ทนไม่ไหววว เลย กระซิบ ถาม ...ถามจริงๆ เถิด ที่นี่ มี..ผี ป่าววว
เค้า หันมา มอง หน้า..แล้ว ก็ ยิ้ม แฮ่ๆๆ มีค่ะ แต่ไม่ค่อย มีคนโดน หลอกค่ะ บ้างครั่ง มีคนมาค้าง ได้แค่ คืน เดี่ยวว ก็ เผ่น ..ก็มีค่ะ
เค้าไม่ค่อย แสดงตัว เท่าไร ...นะค่ะ
เนี้ย หนูทำงาน ยังไม่เคย เห็น เคย โดน ...มีแต่คนเล่าให้ฟัง ...ค่ะ ....
อ้าว อากี๊ยยยย ไง ..เรา ต้องโดนด้วย หว้า....
แม่แคท ไม่กล้า เล่า ให้สามโหดฟัง ง่ะ กลัว สามสาว กรี๊ด ..
แต่ดีอย่าง สามสาว จะสวดมนตร์ ก่อน นอน เสียงดัง ฟังชัด พูดไทย ไม่เป็น แต่สวดมนตร์ ได้ ทำบุญ ให้แม่ได้ แค่ก็ เอาว่ะ ตู่ ....
ช่วง ที่อยู่หัวหิน ..ทำบุญ ใส่บาตร และ ถวาย สังฆทาน ทุกวัน แผ่ บุญให้ ทุกสิ่ง ประจำ ...
แต่ในที่สุด หัวใจ จะวาย ก่อน นะจิเลย ขอ ยกเลิก กำหนด เปลี่ยนแปลงการเดินทาง ไม่อยู่ จนครบ สิบเอ็ดวัน ที่หัวหิน แล้ว....
เสียเงินค่าห้อง ไปฟรีๆๆ ก็ยอม แล้ว ใคร จะทนได้ มาแม๋ง ทุกคืน .. ตรงนัด กว่า กิ๊ก ตรู เสียอีก ...
เกือบ คืน สุดท้าย ... เหมือน เค้าจะ รู้นะว่า จะหนี.....
แม่แคท เริ่ม กลัว ไม่อยากนอน ..ถ่างตา.... ไม่ยอมนอน พอเราไม่ นอน ฉามีจะนอนได้ไง จิงป่าว ..
ความที่กลัว ว่าหลับตา หรือหลับไปแล้ว เค้าจะมาไง
ส่วนมาก เค้าจะมา หา เรานอน เราหลับ ... เจอ ผีที่ไร เค้าจะมา นอน เราเหนื่อย หรือเรา หลับ ... แหกตา ตื่น เค้าไม่มา ไง ....
เลยไม่กล้า หลับ กดทีวี ดู แล้ว อ่านหนังสือ ก็แล้ว ..ตามันเริ่ม จะปิด
ฮ่วย ..ห้ามหลับ ..ห้ามได้ไง ล่ะ ตามันจะปิดให้ได้ ขะเขย่า คนข้างๆๆ สะกิด ก็แล้ว แฮ่ะๆๆ สะกิดให้ตื่นน้า อย่าคิดลึกกกกกกกกกก ให้ตื่น มานั่งเป็นเพือนกัน ..
เค้าก็ตื่น นะ ..ตื่น มา เซย์ กุ๊ดไนท์ ...
ในที่สุด เรา ก็ไม่สามารถ ชนะความง่วง นอนได้..
หลับไปนอน ตีสามมั่ง...
มาตื่น อีกทีตอน ตีห้า ..ตรงเวลา ..เล้ย..
ไม่ตรง ได้ไง .... ลำดวน ....ลำดวน ....เสียงผู้ชาย เรียก ชือ ผู้หญิง ...ลำดวน ....
ก๊ากกกกกกกกกก กรู่ไม่นอน ไม่อยู่แล้ว กรู่ไม่ใช่ ลำดวน กรู นางแคท แม่ลูกสี่ โว๊ยยยยยย
จัดการ จัดกระเป๋า ใส่หลวงพ่อ โกย กลับ กทม ฯ...
แต่ก่อน กลับ ..สามสาว ยังนอน อยู่ ไปวัด ..กิจกรรม ที่ทำทุกวัน ..ขณะที่อยู่หัวหิน .. ไปลา พระอาจารย์ ท่าน ให้พร และ เล่า ให้ท่านฟัง..
ท่าน รับทราบ มาตลอด ....
คน งาน เล่าให้ฟังว่า .. ที่ตรงนั่น เป็น บ้านเรื่อน ไทยสองหลังติดกัน .. เจ้าทีตายไป ไม่ยอมไปเกิด..รอ..สาว คนรัก....
พระอาจาย์ บอกว่า .. ให้กลับไปที่โรงแรม แผ่สวดบุญ ที่ได้กระทำ กรวดน้ำ ผ่านใบไม้ ลงสู่ดิน อุทิศ ให้สาวลำดวน....
ที่มา: คุณแคท Pantown.Com
เรื่อง มันมีอยู่ว่า... แม่แคท และ สามสาว รวมสามีด้วยสิ ..ไปค้าง ที่ หัวหิน แล้ว เจ้าโรงแรมนี้ ..ดัน หยุด ปิดซ่อม แซม พูดง่ายๆ โรงแรม ทั่งหลัง มี ครอบครัวหม่อม ครอบครัวเดี่ยว
จริงๆ ก็ ชอบ นะ เพราะไอ้สามโหด มัน ซน และ ชอบทะเลาะกันด้วย เสียงดังอีกต่างหาก
ดังนั่น การได้พัก ครอบครัวเดี่ยว เลยไม่ค่อย จะเสียความรู้สึกเท่าไร แถม สระว่ายน้ำ ซ่อมเสร็จ เรียบร้อย เราเป็น เจ้าแรก ที่ได้ลงเล่น ..โรงแรม มีแค่สองชั่น ..แม่แคท อยู่ชั่นสอง ..สามห้องติดกัน
ห้องเด็ก และห้องแม่แคท ทะลุ ติดกัน ได้ โดยมีห้อง นั่งกินข้าว หรือห้องนั่งเล่น ขั่น กลาง..
คืนที่สอง....
เหตุการณ์ ปกติ นอนหลับ สบายใจ เหนื่อยกับการเดินทาง แถมเหนื่อย กับการ ปรับ สภาพ ร่างกาย
คิดดู นั่งรถ จาก ลพบุรี และพอถึง กทมฯ จัดกระเป๋า แบบ สายฟ้าแล๊บ เล้ยเรียก รถแทกซี่ไปหัวหินเล้ย ค่ารถ สองพันห้า ..ก็ต้องยอม
ก้อ ไง จะกระเป๋า ไง จะสามสาว ..
งานนี้ ถือว่า..ค่าใช้ สูง จริงๆ กับ การกลับเมืองไทย ของสามโหด
เวลา...ตีห้า ...
ขณะ ที่กำลัง นอน น้ำลายไหล ฟู มาก..อิๆๆ ไหล ไม่ไหล ไม่รู้ โม้ไว้ก่อน น้า ... ก็มีเสียง โครม ดังมากๆๆ คิดว่า ตึก ถล่ม เสียอีก .. สองคนตายาย ตกใจ ตื่น หัวใจ แทบวาย ..
งานนี้ เป็น ครั่งแรก ที่ ปุ้มปุ้ย รับรู้ ด้วย ปกติ โดนผีอำ หรือโดน ผี เขย่าเตียง สามี นอน เดี้ยง ไม่รู้ เรื่อง
แต่งานนี้ เค้าตกใจตื่น หน้าตา แบบ เหลือง มากกกกกกกกกกกกก ตกใจ เพราะเวลา ตีห้า........... ไม่ใช่คนงาน แน่ๆๆๆ
ขโมย บ้า ที่ไหน จะทำเสียง ดัง แบบนี้
ไอ้เรา ตกใจตื่น ...วิ่งไปห้อง ลูก ดู กลอน ประตู ..ค่อยโล่ง อก ..ไม่มีอาหรัย เกิดขึ้น
เสียงมาจากไหน ว่ะ
....ในห้องมี มี ท่านเทพจตุคาม ..อยู่ด้วย ซึ่งคุณพี่ลักษณ์ ท่านให้มา ...เหตุการณ์ที่เกิด ..เหมือน มีการ โยน สิ่งหนักๆๆ ออกจากห้อง เหมือนมีการ เหวี่ยง ช้าง หรือสิ่ง ที่หนัก มากกกกกออกไป นอกห้อง ดัง โครม ...
หลังจากนั่น ..จะมีเสียง เหมือน มีการลากกกกกกกกกกกกกกกก ไปหลังคาโรงแรม...
คืน แรกที่โดนผี ผ่านไป ....
เผ่นไป ใส่บาตร อิๆๆ ปกติ ก็ตั่งใจ จะใส่อยู่แล้วน้า.... เลย ปรึกษา กับ พระอาจารย์ ทีวัดหัวหิน ....
อ้าว ท่าน บอก แผ่ บุญ ให้เค้า ...
พระอาจารย์ ขา....หนู ไม่รู้ ชื่อ เค้า เจ้าค่ะ ....
คืน ที่สอง ....ที่โดน ....
คืนนี้ดีหน่อย ...เค้า มาลาก ข้าง แค่นอกห้อง ... แล้ว เราก็เริ่มรู้ แล้ว....เค้ามา หา ..ไม่ค่อยตกใจ เหมือนคืนแรก ..
แค่ เหวี่ยงตามอง นาลิกา ..เฮ้อ ..เฮ้ง ตรงเวลาดีจัง เนาะ.. แต่ หุๆๆ หลับไม่ลง แฮ่ะ เลยเปิดทีวี ดู ...จนเหนื่อย และหลับไปเอง ...
คืน ทีสาม ...
เสียง ค่อยๆๆ เบา ..ลง และคืนต่อๆๆ มาก็ เบา ...ลง
แต่เกือบวัน สุดท้าย ...
ถามคนงาน ที่เค้าเป็นพนักงาน ทำความสะอาดห้องให้เรา มีคนเดี่ยวนั่นแหระ ..
ก็ทั้งโรงแรม มีครอบครัวฉาน ครอบครั่วเดี่ยว อิๆๆ พนักงานคนนี้น่าร๊าก คอย วิ่งหา ผ้าเช็ดให้เด็กเวลาลงน้ำ และ ต้องรอคอย คุงหนูสามคน ตื่นเกือบเที่ยง มาเก็บห้องให้
ก๊ากกก คุงหนู จริงๆๆ
อ้าว มาเข้าเรื่องต่อ...
แม่แคท ทนไม่ไหววว เลย กระซิบ ถาม ...ถามจริงๆ เถิด ที่นี่ มี..ผี ป่าววว
เค้า หันมา มอง หน้า..แล้ว ก็ ยิ้ม แฮ่ๆๆ มีค่ะ แต่ไม่ค่อย มีคนโดน หลอกค่ะ บ้างครั่ง มีคนมาค้าง ได้แค่ คืน เดี่ยวว ก็ เผ่น ..ก็มีค่ะ
เค้าไม่ค่อย แสดงตัว เท่าไร ...นะค่ะ
เนี้ย หนูทำงาน ยังไม่เคย เห็น เคย โดน ...มีแต่คนเล่าให้ฟัง ...ค่ะ ....
อ้าว อากี๊ยยยย ไง ..เรา ต้องโดนด้วย หว้า....
แม่แคท ไม่กล้า เล่า ให้สามโหดฟัง ง่ะ กลัว สามสาว กรี๊ด ..
แต่ดีอย่าง สามสาว จะสวดมนตร์ ก่อน นอน เสียงดัง ฟังชัด พูดไทย ไม่เป็น แต่สวดมนตร์ ได้ ทำบุญ ให้แม่ได้ แค่ก็ เอาว่ะ ตู่ ....
ช่วง ที่อยู่หัวหิน ..ทำบุญ ใส่บาตร และ ถวาย สังฆทาน ทุกวัน แผ่ บุญให้ ทุกสิ่ง ประจำ ...
แต่ในที่สุด หัวใจ จะวาย ก่อน นะจิเลย ขอ ยกเลิก กำหนด เปลี่ยนแปลงการเดินทาง ไม่อยู่ จนครบ สิบเอ็ดวัน ที่หัวหิน แล้ว....
เสียเงินค่าห้อง ไปฟรีๆๆ ก็ยอม แล้ว ใคร จะทนได้ มาแม๋ง ทุกคืน .. ตรงนัด กว่า กิ๊ก ตรู เสียอีก ...
เกือบ คืน สุดท้าย ... เหมือน เค้าจะ รู้นะว่า จะหนี.....
แม่แคท เริ่ม กลัว ไม่อยากนอน ..ถ่างตา.... ไม่ยอมนอน พอเราไม่ นอน ฉามีจะนอนได้ไง จิงป่าว ..
ความที่กลัว ว่าหลับตา หรือหลับไปแล้ว เค้าจะมาไง
ส่วนมาก เค้าจะมา หา เรานอน เราหลับ ... เจอ ผีที่ไร เค้าจะมา นอน เราเหนื่อย หรือเรา หลับ ... แหกตา ตื่น เค้าไม่มา ไง ....
เลยไม่กล้า หลับ กดทีวี ดู แล้ว อ่านหนังสือ ก็แล้ว ..ตามันเริ่ม จะปิด
ฮ่วย ..ห้ามหลับ ..ห้ามได้ไง ล่ะ ตามันจะปิดให้ได้ ขะเขย่า คนข้างๆๆ สะกิด ก็แล้ว แฮ่ะๆๆ สะกิดให้ตื่นน้า อย่าคิดลึกกกกกกกกกก ให้ตื่น มานั่งเป็นเพือนกัน ..
เค้าก็ตื่น นะ ..ตื่น มา เซย์ กุ๊ดไนท์ ...
ในที่สุด เรา ก็ไม่สามารถ ชนะความง่วง นอนได้..
หลับไปนอน ตีสามมั่ง...
มาตื่น อีกทีตอน ตีห้า ..ตรงเวลา ..เล้ย..
ไม่ตรง ได้ไง .... ลำดวน ....ลำดวน ....เสียงผู้ชาย เรียก ชือ ผู้หญิง ...ลำดวน ....
ก๊ากกกกกกกกกก กรู่ไม่นอน ไม่อยู่แล้ว กรู่ไม่ใช่ ลำดวน กรู นางแคท แม่ลูกสี่ โว๊ยยยยยย
จัดการ จัดกระเป๋า ใส่หลวงพ่อ โกย กลับ กทม ฯ...
แต่ก่อน กลับ ..สามสาว ยังนอน อยู่ ไปวัด ..กิจกรรม ที่ทำทุกวัน ..ขณะที่อยู่หัวหิน .. ไปลา พระอาจารย์ ท่าน ให้พร และ เล่า ให้ท่านฟัง..
ท่าน รับทราบ มาตลอด ....
คน งาน เล่าให้ฟังว่า .. ที่ตรงนั่น เป็น บ้านเรื่อน ไทยสองหลังติดกัน .. เจ้าทีตายไป ไม่ยอมไปเกิด..รอ..สาว คนรัก....
พระอาจาย์ บอกว่า .. ให้กลับไปที่โรงแรม แผ่สวดบุญ ที่ได้กระทำ กรวดน้ำ ผ่านใบไม้ ลงสู่ดิน อุทิศ ให้สาวลำดวน....
ที่มา: คุณแคท Pantown.Com
05 มกราคม 2558
5 อันดับโรงแรมผีดุ ภาคกลาง (2/5)
2. โรงแรมเฮี้ยน อยุธยา
ดิฉันเป็นครูของเด็กนักเรียนระดับประถม โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่ล่ะค่ะ เหตุการณ์ขนหัวลุกที่จะเล่านี้ เกิดขึ้นเมื่อดิฉันต้องดูแลเด็กๆ ไปเข้าค่ายที่อยุธยา
โรงเรียนดังกล่าวนี้เป็นโรงเรียนแบบสองภาษา ค่าเล่าเรียนค่อนข้างสูง แถมยังมีการสอนพิเศษอื่นๆ เพื่อเพิ่มทักษะให้กับนักเรียนให้ดีที่สุด เช่น ว่ายน้ำ, คอมพิวเตอร์, บัลเลต์ แต่ละคอร์สนั้นมีค่าใช้จ่ายคนละหลายพัน เช่นเดียวกับการออกไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ซึ่งแต่ละครั้งผู้ปกครองต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าห้าพันบาท
ที่บอกมานี้ไม่ได้อวด หรือทำให้ท่านผู้อ่านขนหัวลุกกับค่าใช้จ่ายนะคะ!
สมัยนี้ก็แบบนี้ล่ะค่ะ ดิฉันเพียงแต่จะให้เห็นภาพว่าสิ่งแวดล้อมโดยรวมของโรงเรียนและลูกศิษย์ตัวน้อยนั้น ทุกอย่างต้องชั้นหนึ่งเสมอ
การพาเด็กไปเข้าค่ายทุกครั้ง เราก็ไม่ได้พาเด็กไปนอนกลางดินกินกลางทรายตามค่ายพักแรมทั่วๆ ไปนะคะ แต่เราไปเหมาชั้นของโรงแรมระดับสี่ดาวขึ้นไป ผู้ปกครองจะตามไปดูก็ได้ค่ะ และทุกท่านพอใจมากในการที่เห็นลูกๆ ได้อยู่สบายและปลอดภัยที่สุด...ลูกศิษย์ดิฉันนอนห้องแอร์ ตื่นเช้าก็กินเบรกฟัสต์อย่างดี และขึ้นรถทัวร์ไปทัศนศึกษา
การพาเด็กไปเข้าค่ายคราวนี้ เราไปถึงสุโขทัยแน่ะค่ะ เด็กๆ สนุกมาก ขากลับเข้ากรุงเทพฯ เราก็ค้างที่อยุธยากัน 2 คืน
โรงแรมหรูที่อยุธยานี่สะดวกสบายมากค่ะ เราให้เด็กนอนห้องละ 3-4 คน โดยแยกเด็กหญิงกับเด็กชาย รวมเด็กทั้งหมดร้อยคนเศษ เป็นเด็ก ป.4 กำลังน่ารักทั้งนั้น
คืนแรกที่ไปถึง เด็กๆ ตื่นเต้นสนุกสนาน แม้จะเดินทางไกลกลับมาจากสุโขทัยก็ตาม พวกเขามีพลังเหลือเฟือจริงๆ พวกครูๆ สิคะชักจะเหนื่อยแล้วล่ะ แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางของเด็กๆ แล้วเราก็ชื่นใจหายเหนื่อย
ราว 4 ทุ่ม ดูแลความเรียบร้อย พาลูกศิษย์เข้านอนครบทุกคน น่าสังเกตว่าเด็กๆ ส่วนใหญ่นอนหัวค่ำ ราว 3-4 ทุ่มแกก็ง่วงกันแล้วค่ะ ทำให้งานของครูๆ เบาลงเยอะเชียว
ดิฉันอยู่ในบรรยากาศที่น่าสบายใจมาก หลังจากไปเซย์ กู๊ดไนต์กับเด็กทุกห้องแล้ว ดิฉันก็กลับมานอนกับลูกศิษย์ 3 คน ในห้องพัก ที่อยู่ในช่วงกลางของห้องทั้งหมดในฟลอร์นั้น
ห้องนี้ก็อยู่หน้าลิฟต์พอดีเป๊ะ!
เมื่อเด็กๆ หลับกันหมดแล้ว ดิฉันก็เขียนรายงานประจำวันอีก 2-3 หน้าจากนั้นก็อาบน้ำแล้วปิดไฟนอน
กลางดึกสงัด และเสียงเบาๆ ของเครื่องปรับอากาศ ดิฉันลืมตาขึ้นในความมืด หูแว่วเสียงเด็กจำนวนมากมาเล่นกันอยู่ที่หน้าห้อง...มันเป็นเสียงเจี๊ยวจ๊าวราวกับพวกแกกำลังสนุกสนานกันสุดขีด สงสัยว่าจะวิ่งเล่นไล่จับกันมั้ง นั่นน่ะ?
ดิฉันนอนนิ่ง ลืมตาโพลง ท่านผู้อ่านคงจะเห็นใจดิฉันนะคะ ว่าคนเพิ่งตื่นใหม่ๆ 2-3 วินาทีแรกมันมึนงงน่าดูเลย จับต้นชนปลายไม่ถูกทีเดียว...หลังจากนั้น สติก็เริ่มมา...
ดิฉันขนลุกซ่า...มันอะไรกันนี่? เป็นไปไม่ได้แน่!
ขณะผุดลุกขึ้นนั่ง เสียงหัวเราะเฮฮาของเด็กๆ หน้าห้องก็ยังได้ยินอยู่อย่างชัดเจน...เป็นเด็กธรรมดาๆ นี่ล่ะค่ะ ลองนึกภาพตามมานะคะ...เสียงนั้นไม่ผิดอะไรกับเด็กสักสิบคนมาวิ่งเล่นกันจริงๆ แต่ดิฉันก็ตระหนักดีว่ามันเป็นไปไม่ได้...ยิ่งเมื่อหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูและพบว่าเป็นเวลาตี 2 ดิฉันก็ยิ่งขนลุก แต่เสียงที่เหมือนมนุษย์ธรรมดาๆ ทำให้ดิฉันชักลังเล
เอ...รึว่าลูกศิษย์แสนซนจะนอนไม่หลับเลยลุกมาวิ่งเล่นกัน แต่...มันเป็นไปไม่ได้!
ไม่รู้อะไรมาดลใจ ดิฉันลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยรู้ตัวนัก แล้วเดินไปที่ประตู...หลังจากชะงักอยู่อึดใจ ดิฉันก็ปลดโซ่ ปลดล็อก เปิดประตูออกดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น?
คุณพระช่วย! ดิฉันเย็นวาบไปทั้งร่าง คิดว่าจะเจอแต่ความว่างเปล่า...แต่ไม่ใช่ค่ะ! มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ที่หน้าห้อง เธอนุ่งผ้าถุงสีแดง ใส่เสื้อคอกระเช้าสีขาวสะอาด ผมสั้นแค่หูเหมือนเด็กนักเรียน...
เธอกำลังกระโดดเชือกเล่นอยู่คนเดียว และหันหลังให้ดิฉันด้วย
ไม่ต้องเดาหรอกค่ะ เห็นแค่นั้น...ดิฉันก็รู้ว่าผี!!
ทันใดที่ดิฉันนึกถึงคำว่า "ผี" เด็กน้อยก็หยุดกึก ยืนนิ่ง มือทั้งสองที่แต่ละข้างถือปลายเชือกห้อยอยู่ข้างตัว และแล้ว...เธอก็ค่อยๆ หันมา...หันมาแต่ ส่วนไหล่และช่วงลำตัวยังนิ่งสนิท เธอหันเหมือน ลินดา แบลร์ ใน "เอ็กโซซิสต์" ยังไงยังงั้น
ใบหน้าเธอสะสวยน่ารัก และเธอยิ้มให้อย่างแจ่มใสที่สุด แต่ดิฉันหน้ามืด วูบไปเลยค่ะ
เป็นอันรู้กันว่าดิฉันเหนื่อยจนลมจับกลางดึก ขณะจะมาตรวจความเรียบร้อยของเด็กๆ อีกรอบ มีเพื่อนครูของดิฉันไม่กี่คนที่รู้ความจริง...ความจริงที่น่าขนหัวลุกที่สุดค่ะ!
ที่มา: ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
ดิฉันเป็นครูของเด็กนักเรียนระดับประถม โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่ล่ะค่ะ เหตุการณ์ขนหัวลุกที่จะเล่านี้ เกิดขึ้นเมื่อดิฉันต้องดูแลเด็กๆ ไปเข้าค่ายที่อยุธยา
โรงเรียนดังกล่าวนี้เป็นโรงเรียนแบบสองภาษา ค่าเล่าเรียนค่อนข้างสูง แถมยังมีการสอนพิเศษอื่นๆ เพื่อเพิ่มทักษะให้กับนักเรียนให้ดีที่สุด เช่น ว่ายน้ำ, คอมพิวเตอร์, บัลเลต์ แต่ละคอร์สนั้นมีค่าใช้จ่ายคนละหลายพัน เช่นเดียวกับการออกไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ซึ่งแต่ละครั้งผู้ปกครองต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าห้าพันบาท
ที่บอกมานี้ไม่ได้อวด หรือทำให้ท่านผู้อ่านขนหัวลุกกับค่าใช้จ่ายนะคะ!
สมัยนี้ก็แบบนี้ล่ะค่ะ ดิฉันเพียงแต่จะให้เห็นภาพว่าสิ่งแวดล้อมโดยรวมของโรงเรียนและลูกศิษย์ตัวน้อยนั้น ทุกอย่างต้องชั้นหนึ่งเสมอ
การพาเด็กไปเข้าค่ายทุกครั้ง เราก็ไม่ได้พาเด็กไปนอนกลางดินกินกลางทรายตามค่ายพักแรมทั่วๆ ไปนะคะ แต่เราไปเหมาชั้นของโรงแรมระดับสี่ดาวขึ้นไป ผู้ปกครองจะตามไปดูก็ได้ค่ะ และทุกท่านพอใจมากในการที่เห็นลูกๆ ได้อยู่สบายและปลอดภัยที่สุด...ลูกศิษย์ดิฉันนอนห้องแอร์ ตื่นเช้าก็กินเบรกฟัสต์อย่างดี และขึ้นรถทัวร์ไปทัศนศึกษา
การพาเด็กไปเข้าค่ายคราวนี้ เราไปถึงสุโขทัยแน่ะค่ะ เด็กๆ สนุกมาก ขากลับเข้ากรุงเทพฯ เราก็ค้างที่อยุธยากัน 2 คืน
โรงแรมหรูที่อยุธยานี่สะดวกสบายมากค่ะ เราให้เด็กนอนห้องละ 3-4 คน โดยแยกเด็กหญิงกับเด็กชาย รวมเด็กทั้งหมดร้อยคนเศษ เป็นเด็ก ป.4 กำลังน่ารักทั้งนั้น
คืนแรกที่ไปถึง เด็กๆ ตื่นเต้นสนุกสนาน แม้จะเดินทางไกลกลับมาจากสุโขทัยก็ตาม พวกเขามีพลังเหลือเฟือจริงๆ พวกครูๆ สิคะชักจะเหนื่อยแล้วล่ะ แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางของเด็กๆ แล้วเราก็ชื่นใจหายเหนื่อย
ราว 4 ทุ่ม ดูแลความเรียบร้อย พาลูกศิษย์เข้านอนครบทุกคน น่าสังเกตว่าเด็กๆ ส่วนใหญ่นอนหัวค่ำ ราว 3-4 ทุ่มแกก็ง่วงกันแล้วค่ะ ทำให้งานของครูๆ เบาลงเยอะเชียว
ดิฉันอยู่ในบรรยากาศที่น่าสบายใจมาก หลังจากไปเซย์ กู๊ดไนต์กับเด็กทุกห้องแล้ว ดิฉันก็กลับมานอนกับลูกศิษย์ 3 คน ในห้องพัก ที่อยู่ในช่วงกลางของห้องทั้งหมดในฟลอร์นั้น
ห้องนี้ก็อยู่หน้าลิฟต์พอดีเป๊ะ!
เมื่อเด็กๆ หลับกันหมดแล้ว ดิฉันก็เขียนรายงานประจำวันอีก 2-3 หน้าจากนั้นก็อาบน้ำแล้วปิดไฟนอน
กลางดึกสงัด และเสียงเบาๆ ของเครื่องปรับอากาศ ดิฉันลืมตาขึ้นในความมืด หูแว่วเสียงเด็กจำนวนมากมาเล่นกันอยู่ที่หน้าห้อง...มันเป็นเสียงเจี๊ยวจ๊าวราวกับพวกแกกำลังสนุกสนานกันสุดขีด สงสัยว่าจะวิ่งเล่นไล่จับกันมั้ง นั่นน่ะ?
ดิฉันนอนนิ่ง ลืมตาโพลง ท่านผู้อ่านคงจะเห็นใจดิฉันนะคะ ว่าคนเพิ่งตื่นใหม่ๆ 2-3 วินาทีแรกมันมึนงงน่าดูเลย จับต้นชนปลายไม่ถูกทีเดียว...หลังจากนั้น สติก็เริ่มมา...
ดิฉันขนลุกซ่า...มันอะไรกันนี่? เป็นไปไม่ได้แน่!
ขณะผุดลุกขึ้นนั่ง เสียงหัวเราะเฮฮาของเด็กๆ หน้าห้องก็ยังได้ยินอยู่อย่างชัดเจน...เป็นเด็กธรรมดาๆ นี่ล่ะค่ะ ลองนึกภาพตามมานะคะ...เสียงนั้นไม่ผิดอะไรกับเด็กสักสิบคนมาวิ่งเล่นกันจริงๆ แต่ดิฉันก็ตระหนักดีว่ามันเป็นไปไม่ได้...ยิ่งเมื่อหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูและพบว่าเป็นเวลาตี 2 ดิฉันก็ยิ่งขนลุก แต่เสียงที่เหมือนมนุษย์ธรรมดาๆ ทำให้ดิฉันชักลังเล
เอ...รึว่าลูกศิษย์แสนซนจะนอนไม่หลับเลยลุกมาวิ่งเล่นกัน แต่...มันเป็นไปไม่ได้!
ไม่รู้อะไรมาดลใจ ดิฉันลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยรู้ตัวนัก แล้วเดินไปที่ประตู...หลังจากชะงักอยู่อึดใจ ดิฉันก็ปลดโซ่ ปลดล็อก เปิดประตูออกดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น?
คุณพระช่วย! ดิฉันเย็นวาบไปทั้งร่าง คิดว่าจะเจอแต่ความว่างเปล่า...แต่ไม่ใช่ค่ะ! มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ที่หน้าห้อง เธอนุ่งผ้าถุงสีแดง ใส่เสื้อคอกระเช้าสีขาวสะอาด ผมสั้นแค่หูเหมือนเด็กนักเรียน...
เธอกำลังกระโดดเชือกเล่นอยู่คนเดียว และหันหลังให้ดิฉันด้วย
ไม่ต้องเดาหรอกค่ะ เห็นแค่นั้น...ดิฉันก็รู้ว่าผี!!
ทันใดที่ดิฉันนึกถึงคำว่า "ผี" เด็กน้อยก็หยุดกึก ยืนนิ่ง มือทั้งสองที่แต่ละข้างถือปลายเชือกห้อยอยู่ข้างตัว และแล้ว...เธอก็ค่อยๆ หันมา...หันมาแต่ ส่วนไหล่และช่วงลำตัวยังนิ่งสนิท เธอหันเหมือน ลินดา แบลร์ ใน "เอ็กโซซิสต์" ยังไงยังงั้น
ใบหน้าเธอสะสวยน่ารัก และเธอยิ้มให้อย่างแจ่มใสที่สุด แต่ดิฉันหน้ามืด วูบไปเลยค่ะ
เป็นอันรู้กันว่าดิฉันเหนื่อยจนลมจับกลางดึก ขณะจะมาตรวจความเรียบร้อยของเด็กๆ อีกรอบ มีเพื่อนครูของดิฉันไม่กี่คนที่รู้ความจริง...ความจริงที่น่าขนหัวลุกที่สุดค่ะ!
ที่มา: ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
02 มกราคม 2558
5 อันดับโรงแรมผีดุ ภาคกลาง (1/5)
1. โรงแรมหลอน แถวท่าพระ กรุงเทพ
ผมคนกรุงเทพอยู่ฝั่งธน ตั้งแต่เกิดย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดหลายปีล่ะ นานๆได้ขึ้นกรุงเทพฯก็จะขับเลยไปพักโรงแรม หรือรีสอร์ทจังหวัดใกล้เคียง แต่เหตุการณ์นี้ไม่ไหวจริงๆ ประมาณ 3 ทุ่มกว่าถึงกรุงเทพฯ ก็เวียนหาโรงแรม
แปลกอยู่กรุงเทพแต่ไม่เคยรู้จักโรงแรม รู้จักแต่ม่านรูดอยู่ 2-3 ที่แถวท่าพระ คือโรงเรียนอยู่แถวนั้นก็นั่งรถผ่านบ่อย ๆ
ในรถก็ไปกัน 4 คน พ่อแม่ ลูกชาย ลูกสาว รู้อยู่ว่าเป็นม่านรูดแต่ไม่ไหวจริงๆ เอาว่ะบอกแฟนว่า ที่นี่สมัย 20 ปีก่อนหรูมาก (เขาเล่ามา) แต่ตอนนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรขับเข้าไปก็บอกน้องว่ามาเป็นครอบครัวมีเด็กเล็กขอดีหน่อย เด็กรับรถชี้ให้ขึ้นไปข้างบนน่าจะชั้น 3 สภาพพรมสีแดงใช้งานมาอย่างหนักมีรอยไหม้บุหรี่ ตามพื้นและเงียบมาก ๆ เหมือนไม่มีใครอยู่แต่มีรถจอดอยู่เต็ม
เข้าห้องโอย..กลิ่นนี้ใช่เลย ไม่พูดเดี๋ยวเด็กๆ กลัว
มี 2 เตียงเล็ก ๆ ผมลูกสาว แฟน อีกเตียงลูกชายนอน อาบน้ำเสร็จดูนาฬิกาเกือบเที่ยงคืน บังเอิญทีวีมีถ่ายบอลสด FA cupนี่แหละ ลูกชายนั่งดูแต่ผมเคลื้มหูฟังยังไม่หลับแต่แฟนกับลูกสาวหลับสนิท .....
นอน ๆ ไปก็คิดไปเรื่อยปิดไฟหมดยกเว้นทีวี ทำไมมันหันเตียงเอาขาไปทางประตู เตียงก็ผุ มีชุดรับแขกก็ประมาณสัก 30 ปีที่แล้ว ห้องน้ำไม่ต้องพูดถึงน้ำไหล ชักโครกกดได้ ก็โอเคแล้ว สักพักก็ได้ยินเสียงอาบน้ำ ยังคิดว่าลูกชายอาบแต่ปรกติมันขี้เกียจอาบน้ำนี่หว่า เสียงบอลยังไม่จบ เสียงอาบน้ำก็ยังไม่เสร็จกะว่าจะลุกขึ้นมาดูแต่ไม่ไหวนอนดีกว่า ครึ่งหลับครึ่งตื่นมันมีเสียงคนดิ้นตุ๊บ ๆ ตั๊บ ๆอยู่ข้าง ๆ แล้วหวีดร้องสุดเสียง แฟนผมมันร้อง "ไม่เอา ๆหนูไม่ไป พ่อช่วยด้วย"
ผมสะดุ้งตื่นมามืด ๆ พยายามจับตัวเขย่ายังไงก็ไม่ตื่น หน้าซีดนัยตาเหมือนลืมตามาครึ่งหนึ่งมีน้ำตาไหลเต็มหน้า ร้องไห้ตลอดผมจึงตะโกนสุดเสียงแล้วกอดแน่น เออ..เธอรู้สึกตัว แล้วก็บอกว่า ผีหลอก ผมบอกว่าไม่ใช่เอ็งนอนทับแขนตัวเอง จริงแล้วเธอเอาแขนมาประสานกันที่หน้าอกแล้วเธอก็ร้องไห้เล่าให้ฟังว่า เห็นผู้หญิงคนแก่หน้าตาน่ากลัวเคาะประตูให้เปิด แล้วมายืนปลายเตียงด่าว่าต่าง ๆ นา นา บอกให้ไปกับยาย แต่แฟนบอกไม่ไป มันก็เลยจะเข้ามาทำร้าย แฟนผมบอกว่า มองเห็นผมนอนอยู่พยายามเอามือมาดึง แล้วตีแต่ผมกลับไม่รู้สึกตัว เธอจึงร้องไห้ดัง ๆ ให้ได้ยิน เธอใส่ผ้าถุง...
ว่าแล้วเปิดไฟหมดทุกดวงในห้อง ทุกคนตื่นผมเดินสำรวจรอบห้อง ประตูปิดสนิทห้องน้ำเปิดไฟไว้ทั้งที่ก่อนนอนปิดแล้ว น้ำในก๊อก ฟักบัว มีน้ำไหลหยดดัง "ติ๋ง ๆ" เลยเดินมาถามลูกชายว่าก่อนน้ำอาบน้ำทำไมไม่ปิดไฟ ลูกชายทำตาโบ๋บอกไม่ได้อาบพอเปิดบอลดูได้นิดเดียวก็หลับ
อ้าว...เนื่องจากเป็นหัวหน้าครอบครัว และชายอกสามศอกจึงมิอาจแสดงความหวาดกลัวให้ครอบครัวเห็น ทั้ง ๆ ที่เรากับผีนี่มันสุด ๆตั้งแต่เด็ก ๆแล้ว เลยวิเคราะห์แล้วว่า " ผีหลอกเป็นแน่แท้ "รวบรวมกำลังใจเป็นครั้งสุดท้าย ขยับชุดรับแขกออกเพื่อเลื่อนเตียงมาใกล้กัน
โห...เบาะโซฟาพอเลื่อนไม้กระดานที่แปะอยู่ด้านหลังหลุดติดมือเลยมองไปข้างใน มีเสื้อผ้าเศษบุหรี่ถุงอะไรไม่รู้ ไม่สนใจเลื่อนให้ไปอยู่ไกล ๆเลื่อนเตียงลูกชายกะว่าต้องมีอะไรใต้เตียงอีก ห่านเอ้ย...จริงด้วย เศษผม เศษผ้า
ปรกติผมจะแขวนพระอยู่ ก็ถอดพระให้แฟนใส่แล้วบอกทุกคนว่า แกมาขอส่วนบุญไม่มีอะไรพรุ่งนี้หรือว่าวันไหนจะทำไปให้ พร้อมกับตะโกนดังว่า " ยายหรือป้าฟังผมน่ะ ผมขอนอนแค่คืนเดียว อย่ามาทำกันแบบนี้ อยากได้อะไรทำไมไม่มาบอกดี ๆมาหลอกกันทำไม พรุ่งนี้หรือถ้าสะดวก จะทำบุญสัฆทานไปให้ แล้วถ้าอยากได้อะไรให้มาบอกผมคนอื่นเขากลัวรู้ไหม " ผมบอกแบบนี้จริงๆ โมโหด้วยกลัวด้วย สรุป...คืนนั้นนอนเปิดไฟ เปิดโทรทัศน์ ทั้งคืน แต่ก็ยังมีเสียงในห้องน้ำโต๊ะโซฟา แต่ก็หลับดี
ตื่นมาตอนเช้ารีบอาบน้ำ เผอิญแฟนผมเรียกให้มาดูพระปรากฏว่า พระสิบทัศที่เมื่อคืนยังดีอยู่ในพลาติกแตก แต่พลาสติกไม่แตกสันนิษฐานว่าอาจจะนอนทับได้ องค์นี้ยังเก็บอยู่ทุกวันนี้ ออกจากโรงแรมไม่มีรถสักคันทั้ง ๆ ที่เพิ่ง 8 โมงเช้าเอง และไม่เห็นคนอีกเช่นเคยแม้แต่เด็กโรงแรมหรือแม่บ้าน
ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี ต้องตะเวนพักโรงแรมต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นม่านรูด รีสอร์ท โรงแรมที่เซลพัก โรงแรม 5 ดาว สิ่งหนึ่งคือ ผีนี่แหละทีแรกก็คิดว่า คิดไปเองกลัวความมืด เลยทำให้คิดถึงตอนเด็กๆ น้าเคยบอกไว้ว่า "ผีมันกลัวคนบ้ากับคนเมา" อย่างอื่นมันไม่กลัวหรอก ไม่ว่าจะสวดมนต์ พระเครื่อง ไม้กางเขนหรือกะเทียม
ไม่อยากจะชี้เป้าโรงแรมเพราะเป็นความซวยของผมและครอบครัว ยายแกตายแล้วอาจไม่มีที่ไป ทุกวันนี้แฟนผมยังจำหน้าได้แม่นยำ อายุประมาณ 60 ใส่เสื้อโบราณ ผ้าถุง แต่ดุมากจำไว้ ผีมันชอบลองของ ถ้าคุณสวดมนต์ หรือเอาพระมาขู่มาทั้งคืน ผีมันกลัวอำนาจในตัวเรา
เราต้องทำใจอย่ากลัวถ้าจำเป็นต้องนอน ดกเหล้าครึ่งแบนรับรองมันไม่กล้าหลอกเราแน่นอน ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าโรงแรม นั่นแหละความจริงของสัมผัสเราว่า ดีหรือไม่ดี อย่าเห็นว่าสะดวก หรือราคาถูกมันไม่ปลอดภัย พิมพ์ไปขนหัวลุกไปแต่ผมทำบุญให้แกแล้ว ใครได้นอนห้องนั้น ช่วยถามหน่อยได้รับหรือยัง วันหน้าจะมาเล่าเรื่อง โรงแรมที่มีข่าวผู้หญิงผูกคอตายนอกหน้าต่างโรงแรมเพราะอกหัก คนพื้นที่รู้เรื่องดีแต่คนที่อื่นไม่รู้ เช่น ผมกับพี่สาว
ที่เล่ามาไม่ได้แต่งเติมแม้แต่เปอร์เซนต์เดียว เรื่องจริงทั้งหมดเห็นถ่ายบอลคืนนี้เลยนึกได้มาเล่าแก้เครียดกัน สวัสดีครับ..
ที่มา: กระทู้ของคุณขวางตะวัน (tonkla suntiphap) ใน Pantip.Com
ผมคนกรุงเทพอยู่ฝั่งธน ตั้งแต่เกิดย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดหลายปีล่ะ นานๆได้ขึ้นกรุงเทพฯก็จะขับเลยไปพักโรงแรม หรือรีสอร์ทจังหวัดใกล้เคียง แต่เหตุการณ์นี้ไม่ไหวจริงๆ ประมาณ 3 ทุ่มกว่าถึงกรุงเทพฯ ก็เวียนหาโรงแรม
แปลกอยู่กรุงเทพแต่ไม่เคยรู้จักโรงแรม รู้จักแต่ม่านรูดอยู่ 2-3 ที่แถวท่าพระ คือโรงเรียนอยู่แถวนั้นก็นั่งรถผ่านบ่อย ๆ
ในรถก็ไปกัน 4 คน พ่อแม่ ลูกชาย ลูกสาว รู้อยู่ว่าเป็นม่านรูดแต่ไม่ไหวจริงๆ เอาว่ะบอกแฟนว่า ที่นี่สมัย 20 ปีก่อนหรูมาก (เขาเล่ามา) แต่ตอนนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรขับเข้าไปก็บอกน้องว่ามาเป็นครอบครัวมีเด็กเล็กขอดีหน่อย เด็กรับรถชี้ให้ขึ้นไปข้างบนน่าจะชั้น 3 สภาพพรมสีแดงใช้งานมาอย่างหนักมีรอยไหม้บุหรี่ ตามพื้นและเงียบมาก ๆ เหมือนไม่มีใครอยู่แต่มีรถจอดอยู่เต็ม
เข้าห้องโอย..กลิ่นนี้ใช่เลย ไม่พูดเดี๋ยวเด็กๆ กลัว
มี 2 เตียงเล็ก ๆ ผมลูกสาว แฟน อีกเตียงลูกชายนอน อาบน้ำเสร็จดูนาฬิกาเกือบเที่ยงคืน บังเอิญทีวีมีถ่ายบอลสด FA cupนี่แหละ ลูกชายนั่งดูแต่ผมเคลื้มหูฟังยังไม่หลับแต่แฟนกับลูกสาวหลับสนิท .....
นอน ๆ ไปก็คิดไปเรื่อยปิดไฟหมดยกเว้นทีวี ทำไมมันหันเตียงเอาขาไปทางประตู เตียงก็ผุ มีชุดรับแขกก็ประมาณสัก 30 ปีที่แล้ว ห้องน้ำไม่ต้องพูดถึงน้ำไหล ชักโครกกดได้ ก็โอเคแล้ว สักพักก็ได้ยินเสียงอาบน้ำ ยังคิดว่าลูกชายอาบแต่ปรกติมันขี้เกียจอาบน้ำนี่หว่า เสียงบอลยังไม่จบ เสียงอาบน้ำก็ยังไม่เสร็จกะว่าจะลุกขึ้นมาดูแต่ไม่ไหวนอนดีกว่า ครึ่งหลับครึ่งตื่นมันมีเสียงคนดิ้นตุ๊บ ๆ ตั๊บ ๆอยู่ข้าง ๆ แล้วหวีดร้องสุดเสียง แฟนผมมันร้อง "ไม่เอา ๆหนูไม่ไป พ่อช่วยด้วย"
ผมสะดุ้งตื่นมามืด ๆ พยายามจับตัวเขย่ายังไงก็ไม่ตื่น หน้าซีดนัยตาเหมือนลืมตามาครึ่งหนึ่งมีน้ำตาไหลเต็มหน้า ร้องไห้ตลอดผมจึงตะโกนสุดเสียงแล้วกอดแน่น เออ..เธอรู้สึกตัว แล้วก็บอกว่า ผีหลอก ผมบอกว่าไม่ใช่เอ็งนอนทับแขนตัวเอง จริงแล้วเธอเอาแขนมาประสานกันที่หน้าอกแล้วเธอก็ร้องไห้เล่าให้ฟังว่า เห็นผู้หญิงคนแก่หน้าตาน่ากลัวเคาะประตูให้เปิด แล้วมายืนปลายเตียงด่าว่าต่าง ๆ นา นา บอกให้ไปกับยาย แต่แฟนบอกไม่ไป มันก็เลยจะเข้ามาทำร้าย แฟนผมบอกว่า มองเห็นผมนอนอยู่พยายามเอามือมาดึง แล้วตีแต่ผมกลับไม่รู้สึกตัว เธอจึงร้องไห้ดัง ๆ ให้ได้ยิน เธอใส่ผ้าถุง...
ว่าแล้วเปิดไฟหมดทุกดวงในห้อง ทุกคนตื่นผมเดินสำรวจรอบห้อง ประตูปิดสนิทห้องน้ำเปิดไฟไว้ทั้งที่ก่อนนอนปิดแล้ว น้ำในก๊อก ฟักบัว มีน้ำไหลหยดดัง "ติ๋ง ๆ" เลยเดินมาถามลูกชายว่าก่อนน้ำอาบน้ำทำไมไม่ปิดไฟ ลูกชายทำตาโบ๋บอกไม่ได้อาบพอเปิดบอลดูได้นิดเดียวก็หลับ
อ้าว...เนื่องจากเป็นหัวหน้าครอบครัว และชายอกสามศอกจึงมิอาจแสดงความหวาดกลัวให้ครอบครัวเห็น ทั้ง ๆ ที่เรากับผีนี่มันสุด ๆตั้งแต่เด็ก ๆแล้ว เลยวิเคราะห์แล้วว่า " ผีหลอกเป็นแน่แท้ "รวบรวมกำลังใจเป็นครั้งสุดท้าย ขยับชุดรับแขกออกเพื่อเลื่อนเตียงมาใกล้กัน
โห...เบาะโซฟาพอเลื่อนไม้กระดานที่แปะอยู่ด้านหลังหลุดติดมือเลยมองไปข้างใน มีเสื้อผ้าเศษบุหรี่ถุงอะไรไม่รู้ ไม่สนใจเลื่อนให้ไปอยู่ไกล ๆเลื่อนเตียงลูกชายกะว่าต้องมีอะไรใต้เตียงอีก ห่านเอ้ย...จริงด้วย เศษผม เศษผ้า
ปรกติผมจะแขวนพระอยู่ ก็ถอดพระให้แฟนใส่แล้วบอกทุกคนว่า แกมาขอส่วนบุญไม่มีอะไรพรุ่งนี้หรือว่าวันไหนจะทำไปให้ พร้อมกับตะโกนดังว่า " ยายหรือป้าฟังผมน่ะ ผมขอนอนแค่คืนเดียว อย่ามาทำกันแบบนี้ อยากได้อะไรทำไมไม่มาบอกดี ๆมาหลอกกันทำไม พรุ่งนี้หรือถ้าสะดวก จะทำบุญสัฆทานไปให้ แล้วถ้าอยากได้อะไรให้มาบอกผมคนอื่นเขากลัวรู้ไหม " ผมบอกแบบนี้จริงๆ โมโหด้วยกลัวด้วย สรุป...คืนนั้นนอนเปิดไฟ เปิดโทรทัศน์ ทั้งคืน แต่ก็ยังมีเสียงในห้องน้ำโต๊ะโซฟา แต่ก็หลับดี
ตื่นมาตอนเช้ารีบอาบน้ำ เผอิญแฟนผมเรียกให้มาดูพระปรากฏว่า พระสิบทัศที่เมื่อคืนยังดีอยู่ในพลาติกแตก แต่พลาสติกไม่แตกสันนิษฐานว่าอาจจะนอนทับได้ องค์นี้ยังเก็บอยู่ทุกวันนี้ ออกจากโรงแรมไม่มีรถสักคันทั้ง ๆ ที่เพิ่ง 8 โมงเช้าเอง และไม่เห็นคนอีกเช่นเคยแม้แต่เด็กโรงแรมหรือแม่บ้าน
ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี ต้องตะเวนพักโรงแรมต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นม่านรูด รีสอร์ท โรงแรมที่เซลพัก โรงแรม 5 ดาว สิ่งหนึ่งคือ ผีนี่แหละทีแรกก็คิดว่า คิดไปเองกลัวความมืด เลยทำให้คิดถึงตอนเด็กๆ น้าเคยบอกไว้ว่า "ผีมันกลัวคนบ้ากับคนเมา" อย่างอื่นมันไม่กลัวหรอก ไม่ว่าจะสวดมนต์ พระเครื่อง ไม้กางเขนหรือกะเทียม
ไม่อยากจะชี้เป้าโรงแรมเพราะเป็นความซวยของผมและครอบครัว ยายแกตายแล้วอาจไม่มีที่ไป ทุกวันนี้แฟนผมยังจำหน้าได้แม่นยำ อายุประมาณ 60 ใส่เสื้อโบราณ ผ้าถุง แต่ดุมากจำไว้ ผีมันชอบลองของ ถ้าคุณสวดมนต์ หรือเอาพระมาขู่มาทั้งคืน ผีมันกลัวอำนาจในตัวเรา
เราต้องทำใจอย่ากลัวถ้าจำเป็นต้องนอน ดกเหล้าครึ่งแบนรับรองมันไม่กล้าหลอกเราแน่นอน ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าโรงแรม นั่นแหละความจริงของสัมผัสเราว่า ดีหรือไม่ดี อย่าเห็นว่าสะดวก หรือราคาถูกมันไม่ปลอดภัย พิมพ์ไปขนหัวลุกไปแต่ผมทำบุญให้แกแล้ว ใครได้นอนห้องนั้น ช่วยถามหน่อยได้รับหรือยัง วันหน้าจะมาเล่าเรื่อง โรงแรมที่มีข่าวผู้หญิงผูกคอตายนอกหน้าต่างโรงแรมเพราะอกหัก คนพื้นที่รู้เรื่องดีแต่คนที่อื่นไม่รู้ เช่น ผมกับพี่สาว
ที่เล่ามาไม่ได้แต่งเติมแม้แต่เปอร์เซนต์เดียว เรื่องจริงทั้งหมดเห็นถ่ายบอลคืนนี้เลยนึกได้มาเล่าแก้เครียดกัน สวัสดีครับ..
ที่มา: กระทู้ของคุณขวางตะวัน (tonkla suntiphap) ใน Pantip.Com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)